Page 166 - มรรควิถี
P. 166

152
จิตเราใหเกิดความหงุดหงิดไมพอใจ นั้นอารมณภายนอกมาปรุงแตงจิตเรา มาบีบคั้นใหเราหงุดหงิด พอเราหงุดหงิดปุบ ความคิดการปรุงแตงตอ ตรง นั้นแหละเขาเรียกตัวเราเองเปนตัว... ดวยอํานาจของความรูสึกที่ไมดีทําให เราปรุงแตงตอ พอปรุงแตงตอตรงนี้มันก็จะมีกําลังมากขึ้น จากอารมณภาย นอกเปนตัวปรุงแตงจิต ตอไปก็เราก็เปนตัวปรุงแตงตอไป ปรุงแตงจิตเรา เราเปนผูปรุงแตงตออีกทีหนึ่ง เขาเรียกมโนกรรม เพราะฉะนั้นถาดับ.. พออารมณเกิดขึ้นปุบ ถาไมมีตัวตน ถาแยกออก ความคิดที่เกิดขึ้น ถาแยก ระหวางความรูสึกหรือจิตกับเรื่องที่คิด มันก็จะเปนตัว.. อยางที่บอกแลว พิจารณาตามความเปนจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ธรรมชาติของสิ่งนี้เปนอยางไร เรา ก็จะไดรูตามความเปนจริงสิ่งนั้น
เมื่อรูตามความเปนจริงสิ่งนั้น รูตามความเปนจริงแลวทํา อยางไร ? รูวาเขาเปนจริงอยางงั้น รูวาสิ่งนั้นเปนจริงอยางงั้น ทีนี้ทํา อยางไร ? ก็อยูที่เรา ที่บอกวาปรุงแตง คาดหวัง เม่ือเราคาดหวัง บางทีไม เปนอยางท่ีเราตองการ ไมเปนอยางที่เราคิด ที่เราคิดเอาไว เราก็จะรูสึก ไมดี แตถาเราเขาใจในสิ่งนั้นที่เปน เราจะไมคาดหวังกับสิ่งนั้นที่นอกเหนือ จากสิ่งที่เปนอยู เห็นตามความเปนจริงวาเปนอยางงี้ เหมือนดอกไม เราก็ จะเห็นวาเปนสีแดง ก็เห็นวาเปนสีแดง จะไมคาดหวังขอใหเขาเปลี่ยนสี อยางดอกไมสีแดง นาจะเปนสีขาว นาจะเปลี่ยนเปนสีขาว พออยากให เปลี่ยนเปนสีขาว มันก็มีเหตุปจจัยแลว ทําเหตุปจจัยอยางไรใหเปลี่ยนเปน สีขาวได ? เพราะฉะนั้นนะตองใชเวลา บางทีก็ตองใชความอดทน หรือ ใชเทคนิค ใชวิทยาศาสตรเขาไปเกี่ยวของ อันนั้นนะ แตโดยธรรมชาติของ เขาเปนยังไง ใหเราเขาใจ ถาเราไมเกี่ยวของ เรารูใหเขาเปนอยางที่เขาเปน ดอกไมก็เปนอยางที่ดอกไมเปน เราก็จะสบาย ๆ เพราะโดยธรรมชาติ ทั่วไปในโลกนี้ ดอกไมก็มีความหลากหลายในตัวเอง ถามีสีเดียวหมดเรา ก็จะรูสึกลานตา ถามีหลาย ๆ สีก็ดูสดชื่นหนอย สีแดง สีเขียว สีเหลือง


































































































   164   165   166   167   168