Page 231 - มรรควิถี
P. 231

ปุบ มันจะเขาสูฐานที่รองรับคือความสงบที่มีอยูเดิม เราสามารถเขาไปรูใน ความรูสึกที่สงบนั้น จะยกจิตไดทันที จะทําใหยกจิตไดเร็ว ไมตองไปหา อยูวาจะเอาอะไรดี จะเริ่มจากตรงไหนดี กําหนดไมได
ทั้ง ๆ ที่บอกวากําหนดอะไรไมไดเลย สภาพจิตเปนยังไง ? สงบอยู แยงกันนะ ถามวา “กําหนดอะไรไมไดเลย” “แลวสภาพจิตเปนไง ?” “สภาพ จิตใส ๆ” ทีนี้เราก็มาถามตัวเองวา “ที่กําหนดไมไดนะ เราไปทําอะไร อัน นั้นนะคือปญหา เพราะเราไมไดกําหนดความรูสึกที่ใส แตจะไปหาอยางอื่น ทั้ง ๆ ที่ความใสมีอยู สภาพจิตรูสึกใส แตกําหนดอะไรไมไดเลย แสดงวา เราไปหารูป ไปหาอารมณอื่น แทนที่จะไปจับที่ความรูสึกที่ใส ก็เลยกําหนด ไมได จึงบอกวาที่กําหนดไมได เพราะไมรูวากําหนดอะไร แตถาเรารูวา กําหนดอะไร เราจะกําหนดไดตลอด เพราะฉะนั้นขณะที่นั่งพูดคุย กําหนด เสียง คนนั้นพูด เสียงเขาออกมาเกิดดับแบบนี้ เราก็ใชได ในขณะสนทนา ธรรมกัน เวลาฟงเสียงคุยกัน เสียงบางคนออกมาเกิดดับแบบนี้ คํานี้ออก มาดับอยางนี้ อันนี้มันอยูที่เราใสใจหรือมีเจตนาที่จะกําหนดรู ไมใชอยู ที่วาเราทําไมได จุดหลักอยูที่วาใสใจที่จะทํา เจตนาที่จะดู
ถามีเจตนาที่จะดูอยางตอเนื่อง เจตนาที่จะดูอิริยาบถยอยและ ตนจิต ควบคูกันไปเรื่อย ๆ การปฏิบัติของเราก็จะเปนลูกโซ ติดตอกัน เปนลูกโซโดยอัตโนมัติ เขาเรียกวาเปนกิจวัตรประจําวันตลอด กลายเปน วามีสติไปในกาย ตองมีสติรูถึงอาการของกายตลอดเวลา รูตนจิต รูจิต รูกาย เห็นตนจิต เห็นจิตสั่งงาน เห็นกายขยับ เห็นความคิด เห็นสภาพจิต ก็รวมอยูตรงนี้หมดแหละ เห็นทั้งสภาพจิต เห็นทั้งตนจิต เห็นทั้งอิริยาบถ ยอย เรารูอยางละเอียดได ถาอยากรูปรมัตถ ก็คือใหรูลักษณะอาการ พระไตรลักษณ รูอาการเกิดดับของอารมณตาง ๆ ที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูธรรมชาติ เราพอใจที่จะรูธรรมชาติของอารมณเหลานั้น ที่บอกธรรมชาติตาง ๆ เกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป หมุนเวียนสลับกันไป แคเรา
217


































































































   229   230   231   232   233