Page 66 - มรรควิถี
P. 66

52
แสดงพระธรรมเทศนาวา ดว ยเรอ่ื งวธิ เี จรญิ สติ วนั ที่๑๕มถิ นุ ายนพ.ศ.๒๕๔๘
เมื่อเกิดความรูสึกเหน่ือย เพลีย ซึม ๆ ขยายความรูสึกใหกวางไมได ใหจับท่ีความรูสึกไมตองขยาย ความรูสึกอยูตรงไหนก็จับตรงน้ัน ความรูสึกอยูใกลรูปก็ใหจับความรูสึกท่ีอยูใกลรูป ความรูสึกอยูในรูปก็ให จับความรูสึกที่อยูในรูป จับความรูสึกไดแลวตัวตนจะหายไป เมื่อไมมี ตัวตนความรูสึกก็จะกวางออกเอง สติจะใสขึ้นตื่นตัวขึ้นเอง ใหเอาความ รูสึกที่ใสต่ืนตัวนั้นไปใชประโยชนตอ ถาเอาความรูสึกที่ใสต่ืนตัวนั้นไปวาง ขางหนาอยางเดียว ก็จะเปนไปเรื่อย ๆ อยูอยางนั้น ความใสตื่นตัวก็จะ คอย ๆ ออนกําลังลง จะตองจับที่ความรูสึกที่ใสตื่นตัวที่วางอยูขางหนา อีกตอหนึ่ง เพราะนั่นคือการกําหนดดูจิตในจิต เมื่อทําอยางน้ีจะรูสึกถึง ความรูสึกที่มีกําลังมากข้ึน จากนั้นตองรูถึงเจตนาที่จะเอาไปใชประโยชน อะไรตอดวยไปกําหนดรูอารมณ ไปกําหนดรูเสียง ไปกําหนดรูความคิด ไปกําหนดรูอิริยาบถยอย ตองกําหนดรูอยางน้ีไมงั้นเหมือนกับไมไดทํา อะไร แคยกจิตข้ึนสูความรูสึกทําใหตื่นตัวแลวก็ธรรมดา ไมไดเจาะสภาวะ ตองกําหนดรูอาการตาง ๆ ที่เกิดขึ้น จะตองสานตอไปเลย เอาพลังจิต ตัวนี้มาใชประโยชนไมงั้นไมเกิดประโยชน
ขณะเปล่ียนอิริยาบถยอยก็ตองจับท่ีความรูสึกตองทําใหตอเน่ือง กําหนดไมตอเนื่องความรูสึกที่ใสตื่นตัวจะลดลงเรื่อย ๆ ท่ีสุดแลวก็เฉย ๆ ขณะที่นั่งตองมีเจตนาที่จะรูวาเราน่ังทําอะไร จิตทํางานนะ กายพักไมทําจิต ตองทําไมง้ันไมตื่นตัว ขณะที่กายไมไดทํางาน จิตตองกําหนดรูถึงการ


































































































   64   65   66   67   68