Page 67 - มรรควิถี
P. 67

ไมทําของกาย จิตตองกําหนดรูถึงการพักของกาย ไมงั้นพอกายไมทํากาย สงบนั่งเฉย ๆ แลวจิตไมทํางานดวย คือจิตไมพิจารณาสภาวะตาง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อจิตไมทํางานก็หยุด พอหยุดก็จะเฉื่อยลง ๆ ถาจิตเรายังมีการกําหนด พิจารณาสภาวะ มีการพิจารณาอารมณตาง ๆ ที่เกิดขึ้นวามีอาการอยางไร ขณะที่รูปมีการเปลี่ยนแปลง นามหรือความรูสึกมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม อยางไร ขณะที่เห็นวารูปมีการเปลี่ยนแปลง ความรูสึกที่ใสตื่นตัวนั้นมีกําลัง มากขึ้นหรือนอยลง ความรูสึกที่ทําหนาที่กําหนด ในแตละครั้งแตละขณะ มีชองวางหรือติดกัน รูปมีอาการเกิด-ดับ จิตมีอาการเกิด-ดับหรือไม
เมื่อจิตเราทํางานตลอดเวลาก็จะมีความตื่นตัวตอ ๆ ไปเรื่อย ๆ สติก็จะมีกําลังมากขึ้นเรื่อย ๆ สภาวญาณก็จะกาวหนาขึ้นชัดเจนขึ้นดวย กําลังความใสตื่นตัวบางครั้งก็ดีบางครั้งก็ตก เกิดจากไมไดพิจารณาสภาวะ อยางตอเนื่อง มีสมาธิอยางเดียวไมมีความตื่นตัวสติก็ออนก็เฉื่อย เมื่อ ตองการใหจิตตื่นตัวใหเพิ่มตัวมุงพรอมกับกําหนดทิศทาง ทิศทางก็คือ อารมณที่ตองการกําหนดรู ความตื่นตัวก็มีกําลังมากขึ้น ทําใหรูป-นาม คลองแคลวขึ้น เมื่อสติ สมาธิสมดุล ปญญาก็เกิด แตถาสมดุลกันแลว ไมพิจารณาไมกําหนด ปญญาก็ไมเกิดอีก ตองพิจารณาอาการอารมณ ตาง ๆ ที่เกิดขึ้นดวย พิจารณาลักษณะการเปลี่ยนแปลง หรือพิจารณา อาการเกิด-ดับของสภาวะที่เกิดขึ้น สภาวญาณก็จะปรากฏชัดขึ้น ความ สงบ นิ่ง ๆ เฉย ๆ คือสมาธิเปนการสงบจากอารมณ แตถามีสติกําหนด ดวยก็จะเปนการเจริญวิปสสนา จิตมีความตื่นตัวพรอมที่จะเอาไปใช ประโยชนได พรอมที่จะกําหนดรู พรอมที่จะพิจารณาอารมณตาง ๆ จิต ชนิดนี้จะมีความเพียรมาก ไมเกิดอาการเบื่อหนายการงานที่ตองทํา ตอง กําหนดรู ตองพิจารณา ความซึมเซาไมเกิดขึ้น แตถาเปนสมาธิที่สงบเงียบ เฉย ๆ จะใชประโยชนอะไรไมไดเลย ไดพักอยางเดียว อาการนิ่งสงบเปน สมถะ นิ่งสงบอยางเดียวจะมีตัวตนหรือไมมีตัวตนก็ตาม ถาไมเห็นอาการ
53


































































































   65   66   67   68   69