Page 69 - มรรควิถี
P. 69
ที่ถูกใหรูวาเปนสภาวญาณก็พอ ไมตองไปรูวาญาณนี้ ญาณ ๑๑ ญาณนี้ ๑๒ ญาณ ๑๓ สุดทายเดี๋ยวจองแลว จองเมื่อไหรตัวตนก็เกิดขึ้น แตถา เรารูวาออ! อันนี้เปนลักษณะของสภาวะ แลววิธีเขาถึงสภาวะอันนี้ตอง ทําอยางนี้ ทําแลวสภาวะจะกาวหนาไดเร็วขึ้นเพราะเหตุนี้ นี้คือสิ่งที่ตองรู ตองเขาใจ เมื่อมีความเขาใจอยางนี้กําลังใจ ความเพียรก็เกิด รูวาเกาะ ติดสภาวะไดเมื่อไหรโอกาสขึ้นญาณสูงก็เกิดขึ้น มีแตจิตที่ทําหนาที่รับรู ไมมีเราเปนผูรับรู มีแตรูปกับนามที่ทําหนาที่เทานั้น ขณะกําหนดเสียง เสียงเปนรูปความรูสึกเปนนาม นามทําหนาที่รับรูเสียงไมมีเราเปนผูรับรู มีแตรูป-นามเทานั้น รูปเกิดข้ึนนามทําหนาที่รับรูแคนั้นเอง นี่คือสภาวะ นี่คือธรรมชาติของรูป-นาม พระพุทธเจาตรัสวาไมใช สัตว บุคคล ตัวตน เรา เขา นี่คือภาวะความเปนอนัตตา สภาวะเหลานี้ถาพูดออกมาสื่อออกมา ไดจะดีมาก ๆ เมื่อตัวตนดับไปไมมีเราแลวเหลืออะไร ก็เหลือแตรูปกับ นาม เสียงเปนรูปความรูสึกเปนนาม
ขณะกําหนดเวทนาใหขยายความรูสึกใหกวางกวาเวทนา แลวจับ ที่ความรูสึกที่รูในเวทนาเพียงอยางเดียว แครูสึกนะ เมื่อมีอาการกระทบแลว ใหปลอยอาการนั้นผานรูป(ตัว) กระทบแลวปลอยใหผานรูป ใหสังเกต ดูวาขณะที่ผานรูป(ตัว) อารมณนั้นผานในลักษณะอยางไร ผานแบบแผวเบา ผานแบบวูบหาย ผานแบบเลือนหาย หรือจะสังเกตตรงจุดกระทบก็ได กระทบแลวมีอาการเปนอยางนี้ ๆ เดี๋ยวรอน เดี๋ยวเย็น อยางนี้เรียกวา กําหนดดูอาการ ขณะที่รูปมีเวทนาจิตจะเปนอุเบกขา รูปมีอาการแปรปรวน ไมมีใครเบิกบานไดหรอก แคอุเบกขามีแตอาการเฉย ๆ ไมสุข ไมทุกข อยางนี้เรียกวาพิเศษแลว ธรรมชาติของจิตตองทําหนาที่รับรู ถาปรุงแตง เปนอกุศลก็เกิดกิเลสเกิดความทุกขขึ้นมา ถาปรุงแตงเปนกุศลก็เกิดสุข ขณะที่เกิดภาวะกดดันใหสังเกตดูวา อารมณขางนอกกดดันความรูสึกใชมั้ย ลองใหอารมณนั้นผานรูปไปจะรูสึกอยางไร ใหพิจารณาสังเกตดูความ
55