Page 104 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 104

412
ท่ีบอกว่าเป็นธรรมดา เพราะว่าเป็นปกติของคนทั่วไปในโลก ใครก็ตามท่ีหูดี ก็ย่อมได้ยินเสียง เป็น เร่ืองปกติธรรมดา มีเสียง มีหู มีการใส่ใจ อันน้ีก็คือโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุปัจจัยที่การรับรู้เกิดข้ึน อย่างที่ บอกว่า เม่ือมีผัสสะเกิดข้ึนมาแล้ว ส่ิงท่ีตามมาคืออะไร คือเวทนา เวทนาตรงน้ี เวทนาทางกาย เวทนาทาง จิต การรับรู้อารมณ์ อายตนะท้ัง ๖ เกิดข้ึน ๑๒ อารมณ์ อารมณ์ ๖ เกิดข้ึน การรับรู้เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีใครบ้าง มีตาแล้วไม่เห็นอะไร นอกจากตาบอด นอกจากตาบอด ลืมตา...ตาบอดตาใส ลืมตาอยู่แล้ว ไม่เห็นอะไร คือถ้าตายังดีอยู่ ประสาทตายังดีอยู่ การสัมผัสตรงน้ีเกิดข้ึน
ถ้าบอกว่าสัมผัสแล้วมีเวทนา เวทนามี ๓ อย่างใหญ่ ๆ หน่ึง มีผัสสะแล้วรู้สึกเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้าย กบั อารมณ์ มองเฉย ๆ เหมอื นมองอาจารยแ์ ลว้ รสู้ กึ เฉย ๆ เหมอื นกบั ตอนนเ้ี ลยนะ เวทนาเปน็ อยา่ งไร กเ็ ปน็ อุเบกขาเวทนา ผัสสะที่เกิดขึ้นนี่นะ เห็นแล้วรู้สึกไม่ดี ตรงนั้นเป็นทุกขเวทนา เห็นไหม ผัสสะแล้ว กระทบ แล้วรู้สึกไม่ดี ไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบนะ อันนี้ยังไม่รู้สึกชอบ ไม่ชอบ คือ รู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น จริง ๆ ก็ผ่าน... รู้สึกอาจจะผ่านอารมณ์ ความรู้สึกชอบไม่ชอบมาแล้วก็ได้ ในบางขณะ เพราะความไว ความเคยชิน
แต่รู้สึกดีไม่ดีตรงนี้ เป็นทุกขเวทนาทางจิตเกิดขึ้น เอ่อ!รู้สึกไม่ดี เป็นทุกขเวทนาทางจิตเกิดขึ้น แต่ พอเหน็ ปบ้ึ รสู้ กึ ดใี จเลย รสู้ กึ ดใี จ มคี วามสขุ เกดิ ขนึ้ นนั่ เปน็ สขุ เวทนาเกดิ ขนึ้ อนั นคี้ อื หลกั ใหญ่ ๆ พอเวทนา เหล่านี้เกิดขึ้นนี่แหละ พอเวทนาเห็นแล้วรู้สึกดีใจ มีความชอบแล้วปรุงแต่งต่อ สังเกตไหม ในชีวิตเรานี่นะ มหี ลายอยา่ งทเี่ กดิ ขนึ้ ในชวี ติ มคี วามชอบ มคี วามอยาก มคี วามชอบ กต็ ามมาดว้ ยความอยาก อยากใหเ้ หน็ อย่างนั้น อยากให้เป็น แค่เห็นก็ชอบ แต่ยังไม่มี ก็อยากมี แค่ได้ยินรู้สึกชอบ ก็อยากมี ยังไม่มี...อยากมี ความอยาก...พอความอยากนี้เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมา คือการแสวงหา หาวิธีทา ทาอย่างไรถึงจะได้อย่างนั้น จะเป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา
นี่คือการปรุงแต่ง แล้วสร้างขึ้นมา หาวิธีที่จะได้สิ่งนั้นมา พอปรุงแต่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นี่นะ ถามว่า ได้มาแล้วพอไหม บางทีก็ไม่พอ ได้แล้วอยากได้อีก อยากได้อีก ที่เราเรียกว่ากิเลส ความอยากไม่รู้จักจบ ความอยาก โลภะ เปรียบเหมือนน้า เหมือนมหาสมุทรที่ไม่อิ่มด้วยน้า ถ้าอยากแล้วได้อีก ได้ ๆ ๆ ๆ เท่าไร ก็ไม่รู้จักพอ ถ้ามีโลภะอยู่ ได้อะไร แม้แต่ได้โลกนี้ครอบครอง ก็ยังไม่พอ ก็อยากได้โลกอื่น ดาวดวงอื่น เพื่อที่จะมาครอบครองต่อ...ไม่จบ นี่คือตัวความอยากของคนเรา เพราะคิดไปปรุงแต่งต่อไปเรื่อย ๆ
นแี่ หละคอื การวนเวยี น เวยี นเปลยี่ นไป เหมอื นองคข์ องปฏจิ จสมปุ บาท ทนี ไี้ มอ่ ยากแคช่ าตนิ ี้ เหมอื น เราตอนนี้ เราก็ไม่อยากอยู่แค่ชาตินี้ อยาก ๆ ให้มีชาติหน้าที่ดีกว่านี้ เห็นไหม อยากเกิดชาติหน้าที่ดีกว่านี้ นี่ก็อย่างหนึ่งคือความอยาก เพราะอะไร คิดว่าถ้าได้เกิดชาติหน้า ดีกว่านี้ ก็น่าจะไปเกิดชาติหน้า เอาไว้ดี กว่านี้อีก บางครั้งเราลืมพิจารณาว่า การเกิด พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่าไป การเกิด ทุกคราวเป็นทุกข์ร่าไป มีใครบ้างที่นั่งอยู่นี่นะ ๔๐, ๕๐ คน ๖๐ คน มีใครบ้าง ไม่เคยเจอความทุกข์เลย... ไม่มี
สมมติว่าเราขยับ เกิดเป็น...ตอนนี้เป็นเรา ไปเป็นคนนั้น เป็นคนนั้น สลับไปเรื่อย ๆ จนครบ ๖๐ ชาตนิ นี่ ะ แลว้ ยงั เปน็ แบบนอี้ ยู่ ถามวา่ การเกดิ มรี ปู กท็ กุ ขเ์ พราะรปู มเี วทนาทางกาย เพราะรปู นเี้ ปน็ ...อาศยั


































































































   102   103   104   105   106