Page 125 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 125

433
แต่ถ้าเราไม่สนใจอาการเกิดดับ แล้วเราบอกได้ว่า จิตมันว่าง จิตเบา จิตใสอย่างเดียว อันนี้จะ เอ่อ! ข้ามหรือไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือว่า เพราะอะไรถึงบอกว่าจิตที่เบา ใส สงบ อย่างเดียวนี่นะ ไม่เห็นอาการเกิดดับ ต่างกันตรงไหน เพราะอะไร เพราะบางทีเขาเรียกว่า ดูแต่จิตที่ใส สงบ อย่างเดียว ไม่เห็นอาการเกิดดับ ไ ม ส่ น ใ จ ต ร ง น ี ้ ป ญั ญ า ท เี ่ ห น็ อ า ก า ร พ ร ะ ไ ต ร ล กั ษ ณ ไ์ ม เ่ ก ดิ ข นึ ้ เ ร า ก จ็ ะ เ ห น็ แ ต ค่ ว า ม ต งั ้ อ ย ่ ู ห ร อื ค ว า ม เ ท ยี ่ ง ข อ ง จิตที่มีความสงบ ความใส ความเบา ก็จะกลายไปยึดเอาจิตดวงนั้นอีก
จริง ๆ แล้ว ทาไมถึงเกิดได้ ด้วยกาลังของสมาธิเขาเองนี่นะ เขาเรียกว่าเป็นสมถะ เป็นอารมณ์ฌาน ตรงนี้จิตตรงนั้น ถ้าเราไปยึดตรงนั้นอย่างเดียวนี่นะ มันก็จะอะไรนะ คือกลายเป็นว่าต้องพยายามมุ่งไป ที่จะไปยึด ก็ยังไปติดตรงนั้นอยู่ แต่การที่กาหนดรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง การเกิดดับของทุก ๆ อารมณ์ที่ เกิดขึ้นนี่นะ จิตที่ใสขึ้น สงบขึ้น สว่างขึ้น ว่างขึ้น เป็นไปตามขั้นตอนของเขานี่นะ ตรงนี้ ปัญญา...เขาเรียก ประกอบด้วยปัญญา เราจะไม่หลงแม้แต่ความใส ความว่าง ความสงบตรงนั้น มีแต่ว่าสงบแล้วเปลี่ยน อยา่ งไร วา่ งแลว้ วา่ งกวา่ นแี้ ลว้ เปน็ อยา่ งไร ใสกวา่ นี้ จะมคี วามใสความเปลยี่ นจากนอี้ ยา่ งไรอกี นนั่ คอื ความ เปลี่ยนแปลงของสภาวะที่เกิดขึ้น
และอาการเกิดดับของ กาย เวทนา จิต ธรรม ของรูปนามขันธ์ ๕ นี่นะ ถ้าเห็นอาการเกิดดับตรงนี้ จติ จะไมเ่ ขา้ ไปยดึ เพราะอาการของกาย เวทนา จติ ธรรมนนี่ ะ เปน็ สงิ่ ทเี่ ปน็ เรอื่ งปกตขิ องชวี ติ เรา เกดิ ตลอด เวลา เป็นตัวที่คนเราทุกคนโดยส่วนใหญ่ ถ้าไม่ได้พิจารณา ไม่กาหนดรู้ ด้วยสติ ปัญญา พิจารณาโดย แยบคาย ก็จะเป็นตัวนี้แหละ ความคิดเป็นเรา เราเป็นคนคิด ความคิดเป็นของเราทั้งหมด เวทนาเกิดขึ้น มาเป็นเรา เป็นของเรา ตรงนี้แหละ พอเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เพราะอะไร เกิดขึ้นมาถ้าไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่เห็นการเกิดดับ เมื่อไม่แยกให้ชัดนี่นะ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่เวทนานี้ก็จะเกิด จะสลับมาเป็นระยะ ๆ เป็นเวทนาสภาวธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติ ที่เรียกว่า เป็นสภาวญาณอย่างหนึ่ง
เวทนาทเี่ กดิ จากการเสอื่ มไป ความเปลยี่ นแปลงไปของรา่ งกาย ของรปู เราอยา่ งหนงึ่ เวทนานเี้ กดิ ขนึ้ มา แต่ถ้าไม่พิจารณาถึงอาการพระไตรลักษณ์ หรือไม่เคยเห็นเลยนี่นะ เวทนาเกิดขึ้นใหม่ ถึงแม้จะเคยเจอ ความว่าง ความสงบ ความใสแล้ว แต่ไม่เคยเห็นถึงความเป็นคนละส่วน ไม่เห็นอาการเกิดดับของอารมณ์ ของเวทนาต่าง ๆ พอเวทนาเกิดขึ้นมาก็จะเข้าไปยึด หรือเข้าไปหลงว่าเป็นของเราอีก ความทุกข์เกิดขึ้น มาอีก ตรงนี้ที่เราจะเห็นเรื่อย ๆ ว่า ทาไมปฏิบัติ เคยปฏิบัติดีแล้ว พอเวทนาขึ้นมาแบบนี้ รบกวนอีกแล้ว ทาไม่ได้อีก จิตขุ่นมัว เพราะความเข้าใจ การที่ไม่ได้ใส่ใจอาการพระไตรลักษณ์ การเกิดดับของ เอ่อ! กาย เวทนา จิต ธรรม ตรงนี้
เพราะฉะนั้น การที่เรารู้ ที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวัน จึงเป็นวิธีการที่ทาให้เราเห็นและละ ดับไปอย่าง จรงิ ๆ ปลอ่ ยกป็ ลอ่ ยจรงิ ปลอ่ ยดว้ ยตวั เขาเอง ปลอ่ ยดว้ ยความรสู้ กึ เพราะจติ เขาเหน็ ปญั ญาเหน็ แลว้ วา่ ไมใ่ ช่ ของเรา แลว้ เขากด็ บั จติ เขาจะวางเอง แตถ่ า้ เรารสู้ กึ วา่ พอถงึ เวลาแลว้ ปลอ่ ยวางนะ เรากบ็ อกเองวา่ ตอ้ งปลอ่ ย วางนะ เหมือนเอาน้าเข้าลูบ ใจเย็น ๆ ปล่อยวางนะ ปล่อยวางนะ บอกเท่าไหร่ไม่ยอมวางสักทีหนึ่ง แล้วก็ บ า ง ท กี ว็ า ง ใ จ ไ ม ไ่ ด ้ ก ว็ า ง ม ว ย ว า ง ใ จ ต วั เ อ ง ไ ม เ่ ป น็ ก ว็ า ง ม ว ย ใ ส ก่ นั ท ะ เ ล า ะ ก นั น ะ ค ว า ม ท กุ ข ์ ป ญั ห า ก ต็ า ม ม า


































































































   123   124   125   126   127