Page 150 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 150
458
พอทุกข์อีก ผัสสะเกิดขึ้นมาอีก ทุกข์อีก เพราะอะไร...ไม่รู้ เพราะว่าไม่รู้จะดับอย่างไร จะละอย่างไร อันนี้ คืออย่างหนึ่ง
การที่เรากาหนดรู้ ถึงความไม่เที่ยงของความทุกข์ ความทุกข์ที่เกิดขึ้น เราจะกาหนด พอกาหนดรู้ ความทุกข์ทางใจ ความไม่เที่ยง ความทุกข์ทางใจที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คือว่า พอมีเจตนากาหนดรู้ใน ลักษณะอย่างนี้บ่อย ๆ พอสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าขึ้น เราจะเห็นว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้น ความไม่สบายใจ ที่กาลังปรากฏ กับจิตหรือใจที่ทาหน้าที่รู้ว่าทุกข์ จะเห็นชัดถึงว่า จิตที่ทาหน้าที่รู้กับความทุกข์นั้น เป็นส่วน เดียวกันหรือคนละส่วนกัน สติมีกาลังมากขึ้น จะแยกชัด
อ๋อ!ความทุกข์ตรงนี้ เป็นเวทนาทางจิตอย่างหนึ่ง จิตที่ทาหน้าที่รู้ก็รู้ไป จิตที่ทาหน้าที่รู้ ไม่ได้ทุกข์ ตาม ถา้ เหน็ แบบนเี้ มอื่ ไหร่ ความทกุ ขน์ นั้ จะดบั จะดบั เรว็ ขนึ้ อายอุ ารมณจ์ ะสนั้ ลง นนั่ คอื การกา หนดเวทนา ทเี่ กดิ ขนึ้ พอมเี จตนาทจี่ ะกา หนดรู้ ถงึ การเกดิ ดบั ของเวทนา ตวั ตนไมเ่ กดิ ขนึ้ ความหลงในเวทนาไมเ่ กดิ ขน้ึ ปัญญาเกิดขึ้น อายุอารมณ์เวทนานั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง เห็นชัดถึงความเป็นปกติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของเวทนานั้น ๆ ไม่เข้าปรุงแต่ง ไม่ถูกกิเลสครอบงาอีกทีหนึ่ง เป็นการกาหนดรู้ด้วยสติ สมาธิ ปัญญาจริง ๆ
เพราะฉะนนั้ เวลาเรานงั่ กรรมฐาน ทพี่ ดู นี้ เปน็ สงิ่ ทเี่ ขาจะเกดิ ขนึ้ เวลาเรานงั่ กรรมฐาน นงั่ สมาธิ เดนิ จงกรม จริง ๆ แล้ว เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เวทนาทางกาย เวทนาทางจิต เกิดขึ้นได้ทุกอิริยาบถ ไม่ใช่ว่าเกิด ขึ้นได้เฉพาะตอนที่เรานั่งกรรมฐาน แต่ถ้าเรารู้วิธีการกาหนดรู้ รู้วิธีพิจารณา เราพิจารณาอะไร เวทนาก็คือ เวทนาขันธ์ เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยงนั่นเอง คือกาหนดรู้ถึงการเกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของเวทนาที่เกิดขึ้น
อีกอย่างหนึ่ง เป็นสภาวะที่จะเกิดขึ้นในขณะที่เรานั่งกรรมฐาน อีกอย่างหนึ่ง ก็คือความคิด เขา เรียกว่าเป็นการดูกาย รู้เวทนา กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติ- ปฏั ฐาน อนั นตี้ อ้ งมเี จตนาทจี่ ะตามกา หนดรู้ ทงั้ หมดนี้ เปน็ สงิ่ ทเี่ ราตอ้ งใสใ่ จ มสี ตติ ามกา หนดรู้ ไมใ่ ชป่ ลอ่ ย ไปตามยถากรรม อะไรเกิดก็ช่างมัน ไม่ใส่ใจ อันนั้นคือปล่อยตามยถากรรม แต่เจตนาการกาหนดรู้ กรรม คือตัวเจตนาที่จะกาหนดรู้ กาหนดรู้อะไร กาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์ ไม่ใช่บังคับหรือทาให้เป็น แต่ เข้าไปกาหนดรู้ สภาวธรรมที่กาลังเป็นอยู่
อยา่งเช่นนอกจากเวทนาทางกายเวทนาทางจติก็มคีวามคิดสงัเกตไหมเวลาเรานงั่กรรมฐานบาง ครงั้ จะรสู้ กึ วา่ นงั่ ไดด้ ี ไมม่ คี วามคดิ รบกวนเลย เรากจ็ ะรสู้ กึ สบายใจ นงั่ แลว้ สงบเงยี บไป จรงิ ๆ กวา่ จะสงบ เราอาศยั อะไร เรากก็ า หนดอาการของลมหายใจบา้ ง อาการของพองยบุ บา้ ง การเตน้ ของหวั ใจบา้ ง แตส่ กั พกั กจ็ ะมคี วามคดิ เกดิ ขนึ้ มา บางบลั ลงั ก.์ ..บางครงั้ แคน่ งั่ หลบั ตา มแี ตค่ วามคดิ มาเตม็ เลย ยงั ไมไ่ ดด้ ลู มหายใจ เลย แล้วเราก็รู้สึกว่า ยังไม่ได้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันเลย อารมณ์ปัจจุบันยังไม่ชัดเลย ความคิดเข้ามาแล้ว
ถามว่าความคิดเป็นอารมณ์ปัจจุบัน หรือเป็นอารมณ์อดีต หรือเป็นอารมณ์ของอนาคต ถ้าความ คิดที่กาลังปรากฏ ณ ปัจจุบัน ก็เป็นอารมณ์ปัจจุบัน แต่เรื่องที่คิด อาจจะเป็นเรื่องของอดีต หรือเรื่องของ