Page 171 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 171

479
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ ลองสังเกตดูว่า แม้แต่ลมหายใจที่เราบอกว่าเป็นของเรา เราเริ่มจาก พิจารณาตรงนี้ คืออะไร คืออาการทางกายนี่แหละ เราเริ่มรู้ธรรมชาติที่มีความเปลี่ยนแปลงไป มีการ เปลี่ยนแปลงเกิดดับ เปลี่ยนไป ๆ จนหายไป แม้แต่ร่างกายก็ว่างไป เบาไป ตรงนี้ คาถามอย่างหนึ่ง ที่เรา ควรพิจารณาหรือถามตัวเองว่า แล้วอะไรล่ะที่บอกว่าเป็นตัวเรา แล้วอะไรบอกว่าเป็นของเรา อันไหนที่บอก ว่าเป็นเรา ที่เคยเข้าใจว่าเป็นเรานั้น อยู่ตรงไหน
แม้แต่ลมหายใจก็ยังว่างไป หายไป ลมหายใจเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ว่าร่างกายที่ เราเคยเห็นเป็นกลุ่มก้อน เป็นแท่ง เป็นเราที่นั่งอยู่นี่นะ ทาไมถึงหายไปได้ ทาไมถึงหายไปได้ คาถามตาม มาก็คือว่า ขณะที่รูปนี้หรือร่างกายหายไป ตัวหายไป แล้วจิตใจเป็นอย่างไร สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ขณะ ที่เห็นตัวว่างไป ไม่มีลมหายใจ รู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไรในที่นี้หมายถึงว่า จิต จิตใจขนาดนั้นรู้สึกอย่างไร รู้สึกเบา รู้สึกสงบ รู้สึกตื่นตัว รู้สึกผ่องใส รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกสบาย อันนั้นคือ ลักษณะของสภาพจิต ที่เกิดขึ้น หรือรู้สึกหดหู่ ห่อเหี่ยวเกิดขึ้นมา อันนี้อย่างหนึ่ง
การพิจารณาแบบนี้ เราพิจารณาเห็นอะไร เราเห็นอะไรในคาสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมา- สมั พทุ ธเจา้ นแี่ หละคา วา่ รปู ไมเ่ ทยี่ ง รปู ไมใ่ ชต่ วั ตน รปู เปน็ สญุ ญตา เปน็ อนตั ตา ไมใ่ ชเ่ รา ไมใ่ ชเ่ ขา เปน็ ของ ว่างเปล่า ที่สุดแล้วก็เป็นของว่างเปล่าแบบนี้ แต่ทีนี้ การเห็นถึงความว่างเปล่าแบบนี้ ธรรมะตรงนี้สอน อะไรกบั เรา บอกอะไรกบั เรา หนงึ่ บอกวา่ ทสี่ ดุ แลว้ ชวี ติ คนเราอยกู่ บั ความวา่ งเปลา่ แลว้ ทา ไมเราตอ้ งรอถงึ ตอนสดุ ทา้ ยของชวี ติ ถงึ จะอยกู่ บั ความวา่ งเปลา่ เราปฏบิ ตั ธิ รรมใหจ้ ติ ไปสคู่ วามวา่ งเปลา่ โดยไมม่ อี ปุ าทาน
ไม่มีอุปาทานแบบนี้ จิตที่ไม่เกาะเกี่ยวกับรูป ไม่ยึดติดแต่อาศัย ไม่ยึดติด ไม่หลงติด ว่ารูปเป็น ของเรา เห็นรูปว่าง ๆ แบบนี้สภาพจิตใจดีไหม ถ้าเราบอกเองได้ แล้วไปดูจิตใจแล้วรู้สึกสบาย รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกเบา จาเป็นที่เราต้องมายึดเอาความเป็นรูปร่าง ความเป็นร่างกายนี้เอาไว้อีกไหม หรือให้ เขาเป็นไปตามธรรมชาติ เราก็รู้อยู่กับจิตที่ว่างนั้นแทน อยู่กับจิตที่ว่างในชีวิตประจาวัน เพราะจิตที่ว่าง สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่เรามีสติสมาธิและปัญญา ใส่ใจในความเป็นจริงตรงนี้ นี่แหละเขา เรียกความเป็นอนัตตา
อนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เหลือแต่จิตที่ว่าง ๆ แม้แต่จิตที่ว่างเอง ลองสังเกตดูว่า จิตที่ว่างนี่บอกว่าเป็นเราไหม หรือแค่รู้สึกว่าง แล้วก็ทาหน้าที่รับรู้ของตนไป จิตที่ว่างแล้วทาหน้าที่ของตน รับรู้ถึงเสียงที่ได้ยิน รับรู้ถึงกลิ่นที่เข้ามา รับรู้ถึงความคิดที่เกิดขึ้น รับรู้ถึงเวทนา ความปวด ความเมื่อย อาการชา อาการคัน ที่ปรากฏเกิดขึ้นมา นี่คือธรรมชาติ ธรรมชาติ...ธรรมชาติของจิต เพราะฉะนั้น การที่ เรามีสติกาหนดรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ความเป็นไปถึงสัจธรรมตรงนี้ การที่เห็นสัจธรรมแบบนี้ ธรรมะ อันนี้ เราควรน้อมเข้ามาใส่ตัว หรือน้อมเข้ามาใส่ใจ ไว้เตือนสติเราเป็นระยะ ไว้เตือนสติเราอยู่บ่อย ๆ
เตือนสติเราเพื่ออะไร เพื่ออะไร เพื่อที่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีผัสสะที่เข้ามากระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และทา ใหเ้ กดิ เวทนาขนึ้ มา เวทนาทางกายอยา่ งหนงึ่ เวทนาทางจติ อยา่ งหนงึ่ โดยเฉพาะเวทนาทางใจ หรือทางจิตเรา รู้สึกไม่สบาย รู้สึกหนัก รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ถ้าเราระลึกได้ถึงความไม่มีตัวตน ความหนัก


































































































   169   170   171   172   173