Page 21 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 21

329
ให้ไป ไม่ไปดั่งใจ ก็ทุกข์อีก! ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนั่นแหละคือทุกข์ เพราะฉะนั้น การที่เข้าไปกาหนด รู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปของทุก ๆ อารมณ์ ทุก ๆ ขณะของรูปนาม จะทาให้ปัญญาเกิดขึ้น แล้วก็จะ คลายจากอุปาทานทุกอย่าง
สังเกตดูนะว่า การกาหนดรู้การเกิดดับของรูปนามขันธ์ห้าของเรา คนอื่นก็มีรูปนามขันธ์ห้าแบบนี้ นี่แหละ ไม่ใช่ของเราแต่ก็แสดงอาการแบบเดียวกัน โยมแต่ละคนนี่ก็มีรูปนามขันธ์ห้าเหมือนกัน เพราะ ฉะนั้น เขาก็แสดงอาการแบบเดียวกัน ตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ คือความเป็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา เหมือนกัน แม้จะเป็นรูปนามภายนอก อย่างเช่นวัตถุ เขาก็เป็นรูปรูปหนึ่ง เขาจะเสื่อมสลายไปช้าหรือเร็วก็ ขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะของวตั ถนุ นั้ ๆ เปน็ ถาวรวตั ถหุ รอื เปน็ วตั ถทุ บี่ าง ๆ เปน็ วตั ถหุ นกั หรอื เบา เขากเ็ สอื่ มสลาย ไปตามอายุขัยของเขา วัตถุเหล่านั้นเป็นรูป แล้วอะไรเป็นนาม ? จิตที่ทาหน้าที่รู้เป็นนาม เขาอาศัยอารมณ์ ภายนอก/รูปนามภายนอกเกิดขึ้น
ทีนี้ ถ้าพูดถึงคน ทุก ๆ คนในโลกนี้ก็คือรูปนามขันธ์ห้า เขาไม่ได้แยกเลยว่าคนนั้นมีเชื้อสาย อะไร แต่เขามีลักษณะอย่างนี้ แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงมีการเกิดดับแบบนี้ตลอดเวลา พอเราเห็นตรงนี้เรา จะเข้าใจถึงธรรมชาติของโลก สัตว์ทุกตัวตนที่มีวิญญาณครองก็ประกอบด้วยรูปนามขันธ์ห้าประกอบ ด้วยธาตุสี่เหมือนกันหมด การพิจารณารูปนามขันธ์ห้า เมื่อเราไม่ยึดติดกับรูปนามขันธ์ห้าอันนี้ ปล่อยวาง รูปนามขันธ์ห้าอันนี้ได้ รูปนามข้างนอกไม่ต้องห่วงหรอก เพราะคนเราส่วนใหญ่รักตัวเอง... ใช่ไหมโยม หรือไม่แน่ใจแล้ว ? ตอนนี้ไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไหร่หรอก รักหลานมากกว่า... เออ! แล้วเราก็บอกว่า ปล่อยวาง
เพราะฉะนั้น การเห็นอาการเกิดดับตรงนี้ เราเห็นถึงความจริงตรงนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลง สังเกต ไหมว่า แม้แต่จิตกับกายเขายังเป็นคนละส่วนกันเลย แล้วจิตที่คิดว่าเป็นของเราแท้ ๆ ยังไม่ได้บอกว่าเป็น เรา เขาทาหน้าที่รับรู้แล้วก็ผ่านไป ทาหน้าที่รับรู้แล้วก็ผ่านไป... ถามจริง ๆ นะ เราใช้จิตที่ดีแบบนี้ทาหน้าที่ รับรู้ทุก ๆ อารมณ์ หรือว่าสลับหน้ากันมา ? สลับมาเป็นระยะ ๆ แล้วจิตดวงไหนที่บอกว่าเป็นเราจริง ๆ ? นั่นคือจิตเกิดขึ้นมาทาหน้าที่รับรู้ ความเชื่อเท่านั้นที่คิดว่าเป็นเรา ทาไมพระพุทธเจ้าจึงบอกว่า ชั่วลัดนิ้วมือ เดียวจิตเกิดดับถึงแสนโกฏิดวง ? แสดงว่าเขาเกิดใหม่ แล้วจิตเกิดขึ้นมา รับรู้ทีละอารมณ์ แล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น จิตดวงไหนที่บอกว่าเป็นเรา ?
ลองสังเกตดี ๆ อย่าเพิ่งเชื่อ! ให้สังเกตดูจริง ๆ ว่าเขารู้แล้วดับไปไหม รู้แล้วเขาดับไป แล้วเกิดมา รู้ใหม่หรือเปล่า นั่นแหละสังเกตตรงนั้น นี่คือการปฏิบัติธรรม เราจะได้พิสูจน์ธรรมะจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น การมีเจตนาที่จะสังเกตทุก ๆ สภาวะ ทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาให้เราได้รับรู้ นั่นคือการศึกษา ธรรมะ แล้วการที่เรามีเจตนาที่จะรู้ถึงเอาการเกิดดับของรูปนามมาก ๆ เราก็จะได้เห็นถึงธรรมชาติของ รูปนามที่เป็นจริง ที่บอกว่าเป็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตานั้นเป็นอย่างไร แล้วเราก็จะรู้ว่าเราควรเข้าไปยึดหรือ ไม่ยึดต่อไป อันนี้จะได้ตอบตัวเองได้ ไม่ต้องไปถามคนอื่นแล้ว เมื่อปัญญาเกิดขึ้น เราตอบตัวเองได้แล้ว เราก็จะรู้ว่าต้องทาอย่างไรต่อไป


































































































   19   20   21   22   23