Page 41 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 41
349
การท่ีเราพอใจที่จะรู้ ถึงอาการเกิดดับของทุก ๆ อารมณ์ ท่ีเข้ามาทางตาหูจมูกล้ินกายใจ หรือเข้า มาในชีวิตของเรา เมื่อไหร่ก็ตามท่ีเราพอใจที่จะรู้แบบน้ี จะทาให้เราแยกชัดถึงความเป็นคนละส่วน ระหว่าง อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ อารมณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ กบั เรา หรอื ความรสู้ กึ ของเราเปน็ คนละสว่ นกนั จติ ทท่ี า หนา้ ทรี่ กู้ บั อารมณ์ เหล่าน้ันเป็นคนละส่วนกัน ก็จะเห็นแบบน้ีอยู่เนือง ๆ อยู่เสมอ ๆ เม่ือเห็นแบบน้ีอยู่เนือง ๆ อยู่เสมอ ๆ นะ จะทา ใหม้ ชี อ่ งวา่ งระหวา่ งอารมณก์ บั จติ เรา ทกุ ครงั้ ทม่ี ชี อ่ งวา่ งระหวา่ งอารมณก์ บั จติ ของเรา อารมณเ์ หลา่ นน้ั ก็บีบค้ันจิตใจเราได้น้อย หรือไม่สามารถบีบค้ันจิตใจเราได้
แต่ถ้าเม่ือไหร่ไม่มีช่องว่างระหว่างอารมณ์กับเรา ถ้าเม่ือไหร่ก็ตามท่ีไม่มีช่องว่าง เมื่อไหร่ก็ตามที่ เข้าไปคลุกคลีเป็นส่วนเดียวกัน เขาก็จะมีอิทธิพล มีอานาจมาบีบคั้นจิตใจเราได้ เพราะฉะนั้นการสังเกต กาหนดรู้เป็นผู้ดูอาการที่เกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ บ่อย ๆ สังเกตมีความพอใจที่จะรู้ถึงอาการเกิดดับ ของแต่ละ อารมณ์อยู่เนือง ๆ บ่อย ๆ จะทาให้จิตเราคลายอุปาทานแยกจากอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ง่าย ถ้าเมื่อไหร่ ที่ดับเขาก็จะแยกออกมา เมื่อไหร่ที่อารมณ์นั้นดับจิตก็จะแยกส่วนออกมา ก็เป็นการอยู่อย่างอิสระ ถึงแม้ จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ นะ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แค่อึดใจหนึ่ง หนึ่งนาทีสองนาทีสิบนาทียี่สิบนาที สามสิบนาทีก็ตาม นั่นก็คือ ความอิสระความสบาย ความสบายที่เกิดขึ้นกับใจของเรา นั่นเป็นบ้านที่พัก พักแล้วปลอดภัยนะ พักแล้วได้หยุด ได้พักได้ปลอดภัยไม่ต้องกังวล วิตกกังวลภัยต่าง ๆ ที่จะเข้ามา รบกวน ให้โทษ จะมีแต่ความสงบ ความอิสระความผ่องใสความสบาย
คนเราทจี่ ะอยอู่ ยา่ งสบาย ไมต่ อ้ งหวาดระแวงกบั ภยั ตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ มานี้ เปน็ ไปไดย้ าก เปน็ ไปไดน้ อ้ ย เพราะจติ เราจะเกาะเกยี่ วคลกุ คลกี บั เรอื่ งราวตา่ ง ๆ เยอะแยะมากมายตลอดเวลา ตรงไหนทสี่ ง่ ผลทา ใหจ้ ติ เรามีภัย แม้จะเป็นความคิดการเห็น การได้ยินการสัมผัสทางกาย ก็ส่งผลต่อจิตใจของเรา บางครั้งสัมผัส แล้วรู้สึกไม่ดี ความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นนั่นแหละ คือเกิดภัยที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเรา ทาให้จิตเรารู้สึกกังวล หวาดระแวงเจ็บปวดหดหู่ห่อเหี่ยว แทนที่จะเกิดความอิสระเบิกบานหรือผ่องใส อยู่แบบไม่ต้องกังวล
เพราะฉะนั้นนี่เรียกประตู เขาเรียกทวารทั้ง ๖ เป็นประตู ที่จะเข้ามาของอารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาทิ่ม แทงจิตใจของเรา แต่ถ้าเรากาหนดรู้ถึงอาการเกิดดับ แล้วจิตเรากว้าง รู้ถึงอาการเกิดดับของทุก ๆ อารมณ์ อารมณ์ที่พุ่งเข้ามาเปรียบเหมือนลูกศร พุ่งเข้ามาแล้วไม่ถึงตัว พุ่งเข้ามาผ่านไปในที่ว่าง ๆ พุ่งเข้ามาก็โล่งไป ดับไป ผ่านไปเฉย ๆ ไม่มีผู้รับมีแต่ผู้รู้ เขาก็ผ่านตัว แม้แต่พุ่งเข้ามาหาตัว ตัวหายไปตัวว่างไป ก็พุ่งผ่านไป เฉย ๆ นั่นแหละจะไม่ถูกทิ่มแทงไม่ถูกบีบคั้น เราก็อยู่อิสระ
เพราะฉะนั้นการทาใจของเราให้ว่าง การกาหนดรู้ถึงความไม่มีตัวตน การกาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไปของทุก ๆ อารมณ์ จะทาให้จิตเราคลายจากอุปาทานและทาให้เราอิสระมากขึ้น ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ กบั กา ลงั ของเรา วา่ จะทา ไดต้ อ่ เนอื่ งมากแคไ่ หน ทา จติ ของเราใหส้ ะอาดมากขนึ้ แคไ่ หน สงิ่ ทเี่ คยยดึ สงิ่ ทเี่ คย ตดิ อยู่ เขาหลดุ ไปมากแคไ่ หน ยงิ่ หลดุ ไปใจยงิ่ อสิ ระเมอื่ ไหร่ ยงิ่ สบายมากขนึ้ การทา หนา้ ทตี่ า่ ง ๆ ดว้ ยความ รู้สึกที่ว่าง ๆ นี่นะ ด้วยความสงบ ก็จะเกิดความรู้สึกสบายอิสระไปในตัว นั่นแหละเราก็จะอยู่แบบเหมือน ไม่มีภัย ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลมากมายนัก