Page 45 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 45

353
แต่พระพุทธเจ้าแก้โรคทางจิตต้องแก้ด้วยปัญญา ต้องแก้ด้วยจิต ต้องแก้ด้วยสมาธิสติปัญญาของเรา เพราะอะไร จิตของเราจะมีปัญหาเพราะความไม่รู้ ไม่รู้แล้วมีความอยาก อยากในสิ่งที่ตัวเองไม่มีกาลังหรือ ไม่ได้ ทาไม่ได้ก็จะเครียด ๆ ๆ อยากได้ ไม่ได้ก็เครียด อันนี้อย่างหนึ่ง
แต่อีกส่วนหนึ่งนี่ เขาเกิดจากร่างกายเองจริง ๆ เขาเรียกว่าหลั่งสารบางอย่าง ฮอร์โมนบางอย่าง ที่ ทา ใหค้ วบคมุ ตวั เองไมไ่ ด้ อนั นกี้ ลายเปน็ วา่ กโ็ รคทางกายอกี นนั่ แหละ แตท่ า ใหจ้ ติ เกดิ อาการกระสบั กระสา่ ย เพราะฉะนั้นสองอย่างนี้ ถ้าเราพิจารณาควบคู่กันไปถ้าทาได้ก็ดี แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเราฝึกจิตของเรา จิตเรา สงบจิตเรามีความสุข สังเกตไหมท่ีบอกว่าพอจิตเรามีความสุข สมองเราจะหลั่งสารที่มีความสุข ทาให้เรา สดชื่นเบิกบานทั้งร่างกายด้วย อาการทางร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย บางอย่างนี่หายได้เลย ไมเกรนนี่หายนะ
ใครเคยเป็นมีไหม อ้อ!เป็นอยู่นะ รู้สึกบรรเทาบ้างหรือยัง...ยังไม่แน่ใจเลย วันแรกจะปวดนะ แต่ วันนี้สองสามวันนี้ สองวันมานี้รู้สึกบรรเทาลง ปวดหัวเป็นไมเกรนเลย บางคนทานยามาเป็น ๑๐ ปีเลยนะ ยาแก้ปวดหัว พอทาใจให้ว่างเขาเรียกว่ายกจิต ทาจิตให้ว่างได้แยกรูปนามได้ทาใจให้ว่างได้ พอเอาใจที่ ว่าง ๆ ไปที่สมองเขาหลุดไป ความตึงอาการตึงการปวดหลุดไป ๆ รู้สึกโล่งหมดเลย แล้วก็ยิ่งเติมความสุข ลงไป มันนุ่มนวลมีความสุขมีความสดชื่น แล้วใช้บ่อย ๆ ทุกครั้งที่ปฏิบัติก็ทาใจให้สบาย ๆ เอาความโล่ง เขา้ ไป พอมนั ตงึ กเ็ อาความโลง่ เขา้ ไป ความเบาเขา้ ไปรกั ษาตวั เองแบบนเี้ รอื่ ย ๆ ตอ่ ไปอาการเครง่ ตงึ จะนอ้ ย ลง จะไมเ่ ปน็ นคี่ อื จติ ของเราสามารถรกั ษาอาการของเราได้ รกั ษารา่ งกายโรคทางกายได้ เพราะวา่ ทจี่ รงิ แลว้ อาการเคร่งตึงหรือไมเกรนเขาอาศัยจิตเรา ความเครียดความคิดความเกร็ง ทาให้เกิดอาการเคร่งตึง ทาให้ เป็นโรคนั้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นรักษาที่จิต รักษาที่จิตกายเราก็ผ่อนคลาย อันนี้ใช้ได้นะ
ที่สอนไปที่พูดมาทั้งหมดนี่นะ หมายถึงว่าธรรมะที่สอนไปเราสามารถนามาใช้ได้ตลอด ไม่ใช่ว่ารู้ แล้วผ่านรู้แล้วผ่าน แล้วก็ลืมไป เจอเรื่องขึ้นมาทาอย่างไรดี ใช้อะไรไม่ได้เลยอันนี้ก็ไม่ดี เราต้องจาให้ได้ จาได้ว่าเราทาอย่างไร ทาอย่างไรถึงจะหายได้ ทาอย่างไรถึงคลายได้ จริง ๆ แล้ว คนเราถ้าไม่มีตัวตน เอา ความรู้สึกว่าเป็นเราออก นี่นะพูดซ้าแล้วซ้าอีกนะ ลองดูนะลองทาตามดูสิ ลองทาใจเราให้กว้างเท่าจักรวาล ไปเลย ให้มันกว้างเท่าอากาศไปเลย ถ้าเป็นบรรยากาศเป็นอากาศไปเลย ลองดูว่ารู้สึกอย่างไร จิตที่ว่างจิต ที่เบากว้างเท่ากับอากาศ แผ่ไปทั่วทั้งบรรยากาศไปเลยนี่นะ ทะลุห้อง ทะลุอะไร กว้างเท่าบรรยากาศ เท่า จักรวาลไปเลย รู้สึกเป็นอย่างไร...รู้สึกดีไหม
สังเกตไหมอากาศนี่นะ เขาปฏิเสธอะไรบ้าง บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเราเขาปฏิเสธต้นไม้ต้นไหน เขา ปฏิเสธรถคันไหน เขาปฏิเสธฝนห่าไหน เขาปฏิเสธพายุลูกไหน มีไหม...ไม่มีเลย จิตของเราถ้าว่างแบบนั้น เราไม่ปฏิเสธอารมณ์ที่เกิดขึ้น ให้อารมณ์เหล่านั้นเขาเกิดอยู่ในธรรมชาติของเขา ให้เขาเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ลองดูสิรู้สึกเป็นอย่างไร คิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเรา และให้เขาเกิดอยู่ตรงนั้นแหละ อยู่ ในที่ว่าง ๆ ตรงนั้นแหละ ลองดูว่าใจเรารู้สึกเป็นอย่างไร ถ้าใจเราไม่ปฏิเสธเขา จิตใจเรารู้สึกเป็นอย่างไร ใจ เราว่างกว้างเหมือนอากาศ รู้สึกสบายไหม รู้สึกอิสระสบาย นี่นะจิตที่กว้างถึงบอกจิตของเราที่กว้าง ถ้าเรา ใช้ธรรมชาติตรงนี้ เราจะรู้สึกสบายและสงบ เพราะมันไม่ได้ปฏิเสธ


































































































   43   44   45   46   47