Page 78 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 78
386
ธรรมชาติ กลับเหมือนเดิมอีก ก็สลับกันไปมาแบบน้ีนะ ที่เราควรใส่ใจสังเกตให้ดีว่า เหมือนเดิมอีกแล้ว แล้วกลับมาหนักอีกแล้ว
ลองสังเกตต่อ เอ๊ะ!ทาไมถึงหนัก สติเราอ่อนลงหรือเปล่า แล้วก็ยกจิตใหม่ แล้วใส่ใจอีก สังเกตอีก ดูสิเปลี่ยนอย่างไรต่อ นี่คือสภาวธรรมที่เกิดขึ้น วิธีกาหนดอารมณ์ ถ้าเราพอใจที่จะกาหนดทุก ๆ อารมณ์ เปน็ ธรรมะแบบนี้ เราจะสนกุ วา่ คา วา่ อนจิ จงั คา วา่ อนจิ จงั ความเปลยี่ นแปลงของอารมณ์ ความไมเ่ ทยี่ งของ แต่ละอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี่นะ สิ่งที่เราคิดว่า มันน่าจะเป็น ถ้าเราปฏิบัติ อย่างเช่น เรากาหนดแค่เวลาว่า เรา ปฏิบัติมาตั้งนาน นั่งตั้ง ๑ ชั่วโมงแล้ว สภาวะจริง ๆ มันน่าจะเปลี่ยนกว่านี้นะ มันน่าจะดีกว่านี้นะ
ลองถามตัวเอง แล้วตอนนี้มันไม่ดีตรงไหน กลับมา...มันไม่ดีตรงไหน หรือไม่ได้ดั่งใจเท่านั้นเอง มันไม่ดีตรงไหน มันเงียบ ๆ เฉย ๆ ว่าง ๆ หรือวุ่นวายมากเลย ถ้าวุ่นวายมากเลย ไม่ดีเลย เดินแล้วคิด ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเดินแล้วไม่ดี เป็นเพราะเดินแล้วมีแต่ความคิดตลอด...สติไม่ดี มันถึงเดินแล้วรู้สึก ไม่ดี เพราะสติเราอ่อน หรือกาหนดอาการไม่ได้ปัจจุบัน จึงรู้สึกไม่ดี พอไม่ดีกลายเป็นฟุ้งซ่าน ราคาญ ตวั เอง หงดุ หงดิ แลว้ กก็ ลายเปน็ ไมด่ ไี ป...อนั นนั้ เพราะฉะนนั้ สภาวะทเี่ กดิ ขนึ้ นนี่ ะ ทบี่ อกวา่ การทเี่ รายกจติ ขึ้นสู่ความว่าง ไม่มีตัวตนแล้ว มาพิจารณาสภาวะเหล่านี้ที่เกิดขึ้นนี่นะ เป็นวิธีการที่จะคลายอุปาทาน และ เห็นเหลือแต่สภาวะจริง ๆ
ทีนี้พอมาถึงปัจจุบัน พอจิตเรามีกาลังขึ้น สงบขึ้นนะ จะต้องไม่ลืมว่า เราต้องมีอารมณ์หลักให้แก่ จิตในขณะที่ปฏิบัติ ขณะที่เจริญกรรมฐานในแต่ละบัลลังก์ ต้องรู้ว่าบัลลังก์นี้ ขณะที่นั่งดูอะไรเป็นหลัก มี อะไรเกิดขึ้น มีแต่ความง่วงอย่างเดียว หรือหลับตาลง ฉันจะหลับอย่างเดียว ก็จะได้รู้ สบายใจ นั่งหลับนะ ฉันจะนั่งหลับสักชั่วโมงหนึ่ง เอาสิ!ฉันจะนั่งหลับ มาเลยง่วงก็ง่วง นั่งหลับนี่แหละนะ ลองดูว่า ลองหลับ ให้ถึงชั่วโมง เขาจะถึงไหม ต้องมีสตินะ นั่งหลับอย่างมีสตินะ เห็นไหม แปลกนะ ถ้ามีสติจะนั่งหลับสัก ๑ ชั่วโมง ดูสิ!ว่ามันจะตื่นตอนไหน เดี๋ยวเขาจะตื่นตลอดแหละ เดี๋ยวไม่หลับ
แต่ถ้านั่งแล้วทิ้ง ช่างมันเหอะ ฉันไม่สนใจอะไร...เดี๋ยวหลับ พยายามจะมีสติแต่ก็หลับ เหมือนโยคี เล่าให้ฟัง...บอก พอจะดู ง่วงเหรอ เดี๋ยวฉันจะนั่งดู มาเลยสิ...ง่วง จะนั่งดู จะดูให้ชัด ๆ พอดูความง่วง ความง่วงค่อย ๆ หลุดไป ๆ ๆ ง่วงก็ง่วงฉันจะหลับ พอง่วงก็ง่วง เอ้า!ง่วงเลยฉันจะหลับ พอนั่งดูความง่วง ความง่วงหลุด ๆ ๆ แป๊บเดียว เอ้า!ความง่วงหาย ตื่นซะแล้ว ทาท่าจะหลับ แต่พอปฏิเสธความง่วง เริ่ม หงุดหงิดเริ่มราคาญ สติเริ่มอ่อน อ้าว!หลับซะนี่ กลายเป็นอย่างนั้นไป เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้ว ต้องสังเกต ให้ดี
ในบางกรณีบางอย่างนี่นะ สภาวธรรม เราเคยเห็นว่าเวลามันคิดมาก ๆ โอ้ว!ราคาญ เหมือนกับสู้ อะไรก็ไม่ไหวแล้ว คิดก็คิดสิ ฉันจะนั่งดู พอบอกอย่างนี้ความคิดหายเลย ไม่กล้ามาอีก หายไปเลย เอ๊ะ! ทาไม พอบอกคิดก็คิดสิ ฉันจะนั่งดูอย่างเดียว ความคิดกลับหยุด เหมือนกลัวเรา เราก็เลยรู้สึกว่า พอเรา จะดูจริง ๆ เขาก็กลัวเหมือนกัน เปล่าเลย...เรามีสติมากขึ้น ไม่ใช่เขากลัวหรอก เพราะเราตั้งสติมากขึ้น มี เจตนาที่ชัดเจน เขาก็เลยหายไป แสดงว่านี่คือเหตุปัจจัย นี่คือสภาวะ นั่นเหมือนกับเรามีความเข้มแข็ง มี