Page 97 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 97
405
ออกไป ใหก้ วา้ งออกไป ทะลทุ งั้ หมดจนมนั โปรง่ ใจเบา ตวั เบา เหลอื แตค่ วามโลง่ ความโปรง่ ความเบา ตรงนี้ คือจิตที่โล่ง โปร่ง เบา “กายเบา-จิตเบา” แล้วพิจารณาดูจิตที่โล่งเบา อะไรที่มันติดขัดหรือตกค้างอยู่ ไม่ว่า จะเกดิ จากอาการเคร่งตงึ เกดิ จากความคดิ เกดิ จากสมาธมิ ากไป ลองดวู า่ พอเราเอาความวา่ งความเบาผา่ น เข้าไปจนคลายหมดแล้ว จิตรู้สึกเป็นอย่างไร... ตื่นตัวขึ้นไหม จิตมีกาลังขึ้นไหม ?
พอจิตมีกาลังขึ้น โปร่งขึ้น ตื่นตัวขึ้นแล้ว ให้สังเกตบริเวณตัว บริเวณหทัยวัตถุ บริเวณหัวใจของ เราจากคอจนถึงลิ้นปี่ ดูข้างในบริเวณตัว รู้สึกอย่างไร... รู้สึกมีพลังขึ้นไหม ? ต้องสังเกตแบบนี้นะว่า เมื่อ เราเอาความว่างความเบาผ่านตัวจนตัวทะลุโปร่งโล่งไป จิตตื่นตัวขึ้น เห็นไหม เป็นขั้นตอนเป็นขณะ ตรงนี้ โล่งหมด แต่พอมาดูที่บริเวณหทัยวัตถุบริเวณหัวใจ รู้สึกอย่างไร ? ถ้ารู้สึกตื่นตัวขึ้นมา เบา โล่ง แล้วนิ่ง นิดหนึ่ง ให้ความเบาบริเวณหัวใจของเรามีความหนาแน่นขึ้น อันนี้คือการเพิ่มสมาธิ มันมีความเบาแต่รู้สึก หนาแน่น หนักแน่น และมีพลังขึ้น
พอมีพลังขึ้น มีความหนาแน่น หนักแน่นขึ้น ก็แผ่ให้กว้างไปทั้งตัว ให้กว้างเท่ากับตัว ไม่ใช่แค่ บริเวณหทัยวัตถุไม่ใช่แค่บริเวณหัวใจแล้ว แผ่ไปทั้งตัว ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งลาตัวทั้งศีรษะทั้งแขน แผ่ออกไป ให้พลังตรงนี้บรรจุเต็ม พอจิตของเรามีความตื่นตัวมีพลัง ที่ตัวก็รู้สึกตื่นตัวมีกาลังขึ้นแล้ว ก็ให้ กว้างกว่าตัวนิดหนึ่ง เท่าที่เรารู้สึกสบาย ไม่ต้องกว้างไกลเกินไป บางคนถ้าไกลเกินไปแล้วก็จะหลับอีก คือกว้าง ๆ ๆ ไม่มีขอบเขต แล้วไม่ชัดเจน ก็จะหลับอีก ฉะนั้นไม่ควรไกลเกิน ให้กว้างกว่าตัวพอประมาณ จนรู้สึกว่าสติเรามีความตื่นตัว มีความชัดเจน
ทีนี้ ขณะที่จิตมีความเบา แล้วก็หนาแน่น หนักแน่น ตื่นตัวขึ้น ต่อไปก็ดูตรงนี้แหละ ดูจิตที่ตื่นตัว มีความหนาแน่นมีความหนักแน่นมีความตั้งมนั่ทบี่อกวา่“ดูจิตในจิต”ลองดูวา่พอไปดจูติที่เบาที่มคีวาม หนักแน่นขึ้น ไปรู้แต่ละครั้งรู้สึกอย่างไร... มีพลังเพิ่มขึ้นอีกไหม ความเบา-ความหนาแน่นมีความชัดเจน ขึ้นไหม ขยายกว้างขึ้นหรือใสขึ้นหรือสว่างขึ้น ? ไม่ว่าจะใสขึ้นหรือสว่างขึ้นก็ยังต้องกลับมาสารวจกายอยู่ดี ถึงแม้ไม่มีรูปร่างของกายไม่มีรูปร่างของตัว แต่เราก็ยังรู้สึกได้ถึงอาการของรูปนี้ว่าเป็นอย่างไร... มีความ ชัดเจน มีความตื่นตัว มีความตั้งมั่น มีความหนาแน่น ฯลฯ เรายังรู้สึกได้อยู่
สารวจดู เราก็ยังรู้ว่าตาแหน่งของแขนเป็นอย่างไร ตาแหน่งของศีรษะเป็นอย่างไร ตาแหน่งของขา เป็นอย่างไร ตาแหน่งของหลังเป็นอย่างไร ถึงไม่มีรูปร่างแต่ก็ยังรู้สึกได้ ตรงนี้เป็นการเพิ่มพลังไปเรื่อย ๆ ทาให้จิตเรามีกาลังมากขึ้น แล้วมาใช้กับรูปอันนี้ ทาให้รูปนี้มีพลัง มีความตื่นตัวขึ้น ทีนี้ ถ้าจิตเราอยู่ใกล้รูป แล้วรู้สึกว่ามีพลังหนาแน่นแต่ไม่ตื่นตัว ขยายให้กว้างขึ้นอีก กว้างขึ้นอีก... โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้า บริเวณตา หรือข้างหน้า แล้วสังเกตดูว่า ขณะที่จิตเราตื่นตัวมากขึ้น จิตเรานิ่งขึ้น ข้างหน้าเป็นอย่างไร... มี ความมืด มีความสลัว มีความสว่าง มีความใสเกิดขึ้น ?
มคี วามรสู้ กึ วา่ จากทมี่ ดื ๆ สลวั ๆ แลว้ กค็ อ่ ย ๆ สวา่ งขนึ้ หรอื ใสขนึ้ ไหม ? ใครทสี่ วา่ งอยแู่ ลว้ เขา้ ไปใน ความสวา่ งนนั่ แหละ เหมอื นเราเดนิ เขา้ ไปในความสวา่ ง ทสี่ า คญั ถา้ เราดว้ ยรวู้ า่ “ขา้ งหนา้ สวา่ งเพราะจติ สวา่ ง ข้างหน้าสว่างเพราะจิตตั้งมั่น ข้างหน้าสว่างเพราะจิตตื่นตัว” จะเป็นการดี จิตเรายิ่งนิ่งขึ้นยิ่งตื่นตัวขึ้น