Page 63 - แนวทางการปฏิบัติธรรม
P. 63

ผปู้ ฏบิ ตั นิ นั้ รบั รทู้ ลี ะอารมณ์ เปน็ อารมณป์ จั จบุ นั ทลี ะขณะ ทลี ะอารมณไ์ ป เขาจะจัดระเบียบเอง สมาธิจะมากขึ้น สติจะดีขึ้น กาหนดรู้อย่างนี้ไป
ขณะที่เดินแล้วมีอาการของเวทนาแบบนี้ โยคีมักจะเล่าน้อย พยายามที่จะรู้อาการเดิน ส่วนใหญ่แล้วที่จะเกิดขึ้นก็คือความคิด เดิน ๆ แล้วก็คิด สังเกตนิดหนึ่งว่า มันเป็นอะไรที่เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ได้ง่ายมาก เพราะเวลาเราเครียด เราจะเดิน ๆ ๆ ๆ แล้วก็คิดไป เดินแล้ว คิดไป... บางทีคิดอะไรไม่ออกก็ลุกมาเดินเพื่อให้จิตเราตื่นตัวแล้วก็คิดได้ บางทีเดิน ๆ แล้วก็คิดนู่นคิดนี่ได้ดี มันก็เลยกลายเป็นว่าพอเดินก็จะคิด พอจะเดินปุ๊บความคิดก็เข้ามา ทีนี้วิธีการปฏิบัติ ส่วนใหญ่ขณะที่เจริญ กรรมฐานเดินจงกรม เดินไปแล้วมีความคิดเข้ามา ถ้าความคิดแว็บเข้ามา แล้วก็หาย ไม่ต้องหยุดยืน ให้รู้สึกว่าแว็บหายไปแล้วสังเกตอาการเดิน ต่อเลย มุ่งไปที่อาการเคลื่อนไหวการยกเท้าเดินไป ๆ อย่างเช่น เดินได้ ห้าก้าว ความคิดแว็บเข้ามาแล้วก็ดับไป ถ้าเป็นอย่างนั้น แค่รู้สึกว่าความคิด เป็นอารมณ์จร แว็บเข้ามาเขาก็ผ่านไป ไม่ต้องไปกังวลกับความคิด ให้ กาหนดรู้อาการเดินต่อไป แต่ถ้าหากพอเดินไปสักพัก ความคิดแว็บ ๆ ๆ ถี่ขึ้น ๆ จนไม่สามารถกาหนดรู้อาการเกิดดับของการเดินได้ ให้หยุดยืนนิ่ง ๆ แล้วเอาความคิดมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน เข้าไปกาหนดรู้อาการเกิดดับ ของความคิด เกิดแล้วดับ ๆ ๆ จนความคิดหมดไป หยุดไป หายไป
คาว่า “หมดไป หยุดไป หายไป” ไม่ใช่ดับปึ๊บวับไปครั้งเดียว มาใหมแ่ ลว้ เกดิ ดบั วบั -หาย ๆ ๆ จนเกลยี้ งไป แลว้ จติ กก็ ลายเปน็ วา่ ง นงิ่ ขนึ้ สงบขนึ้ จากนนั้ คอ่ ยมารอู้ าการเดนิ ตอ่ ในขณะเดยี วกนั ตอนทโี่ ยคหี ยดุ ยนื กาหนดรู้อาการเกิดดับของความคิดที่แทรกเข้ามา ก็เป็นการยกจิตขึ้นสู่ วปิ สั สนา เปน็ การเจาะสภาวะ เปน็ การกา หนดอาการพระไตรลกั ษณข์ องตวั
57































































































   61   62   63   64   65