Page 64 - แนวทางการปฏิบัติธรรม
P. 64
58
สญั ญาขนั ธ/์ สงั ขารขนั ธ์ เปน็ สภาวธรรมอยา่ งหนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ทเี่ รากา หนดรวู้ า่ เกิดดับ เกิดดับ... เรารู้ให้ทันความคิด พอความคิดดับปึ๊บ จิตดับไป แล้ว โล่งขึ้น เบาขึ้น สงบขึ้น ว่างขึ้นหรือเปล่า ? นั่นคือเป็นผลแบบเดียวกันกับ ตอนทเี่ รานงั่ กรรมฐาน ทพี่ อมคี วามคดิ มา แลว้ รอู้ าการเกดิ ดบั ของความคดิ พอความคิดดับไปปึ๊บ จิตสงบ โล่ง เบาขึ้นมา... ไม่ต่างกัน! เพราะฉะนั้น พอความคิดหมดไป เราก็มาเดินต่อ พอมาเดินต่อ ยกตัวอย่าง ตอนแรก ทเี่ ดนิ เหน็ อาการกา้ วเทา้ เปน็ เสน้ วบึ -หาย วบึ -หาย... ชดั เจน แตพ่ อความคดิ หมดไป กลับมาเดิน ก้าวไปแล้วมันว่าง ๆ เบา ๆ อาการที่วึบ ๆ ที่เคยเห็น กไ็ มเ่ หน็ นนั่ ไมใ่ ชท่ า ไมไ่ ด้ โยคอี ยา่ เขา้ ใจผดิ วา่ สภาวะมนั เปลยี่ น ทา ไมไ่ ด้ เหมือนเดิม... ไม่ใช่ทาไม่ได้
หนา้ ทขี่ องโยคคี อื พอความคดิ หมดไป ถา้ จติ โลง่ ขนึ้ กวา่ เดมิ เบาขนึ้ กว่าเดิม พอกลับมารู้อาการเดิน เท้าที่เคยเป็นเส้นหนืด ๆ วึบ-หาย ๆ วา่ งไปดว้ ย ถามวา่ สภาวะเขาละเอยี ดขนึ้ ไหม ? เทา้ กว็ า่ งไป กา้ วเบา-หาย ๆ สตทิ เี่ กดิ ขนึ้ จากการกา หนดความคดิ เมอื่ กี้ จติ ทเี่ ปลยี่ นไป สภาพจติ ทใี่ สขนึ้ โปร่งขึ้นจากความคิดที่ดับไปเมื่อกี้ ทาให้อาการเดินของเท้าเบาไปด้วย ว่างไปด้วย จากที่เคยมีน้าหนักวึบ-หาย ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเบา-หาย ๆ นั่นคือความต่อเนื่องของสภาวะ เพราะฉะนั้น พอเป็นแบบนั้น เราจะ ทาอย่างไร ? ในเมื่อโยคีรู้สึกว่าสภาวะเขาไม่ชัด มาเดินแล้วอาการเดิน การเคลื่อนไหวไม่ชัด หน้าที่ของผู้ปฏิบัติคือ ตั้งใจมากขึ้น มีสติมากขึ้น มสี มาธมิ ากขนึ้ นนั่ คอื หนา้ ทเี่ รา ไมใ่ ชแ่ บบไปหาอะไรดี นงิ่ เพอื่ ใสใ่ จมากขนึ้ แตเ่ รายงั รสู้ กึ วา่ มนั เปลยี่ นวบึ ไป ๆ ๆ พอเรมิ่ ตงั้ ใจ อาการเดนิ การเคลอื่ นไหว เรมิ่ ชดั ขนึ้ มา ๆ นนั่ คอื สต-ิ สมาธมิ กี า ลงั มากขนึ้ อาการกจ็ ะปรากฏขนึ้ มาเอง ทาไมถึงปรากฏ ? เพราะว่าสภาวะที่ละเอียดชัดขึ้นมาได้ เพราะสติมีกาลัง