Page 27 - สภาพจิต
P. 27

21
การเกิดดับมีความเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ เราพิจารณารู้อาการเกิดดับของ รปู รปู นามซง่ึ เปน็ อารมณภ์ อารมณภ์ ายในทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงอยู่ และพจิ ารณารอู้ าการ าการ เกดิ ดบั ของอารมณภ์ ายนอก รปู รปู -เสยี ง-กลนิ่ -รส-สมั ผสั ทเ่ี ขา้ มากระทบทาง ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย ผู้ท่ีเกิดข้ึนมามีอาการครบ ๓๒ ในโลกน้ีแล้วย่อมมี ผัสสะกับอารมณ์เหล่าน้ันเป็นเรื่องปกติธรรมดา นี่คือความเป็นจริงและ ความเป็นไป และสิ่งเหล่าน้ันก็เปล่ียนแปลงไปตามเหตุปัจจัยอยู่เนือง ๆ การท่ีเรารู้ถึงสัจธรรมความเป็นจริงแบบน้ี เราก็จะเห็นว่าเราไม่ได้ย่ิงใหญ่ ไปกว่าธรรมชาติ เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ คืออยู่ในกฎของไตรลักษณ์
การกา หนดรถู้ งึ งึ ความเปลยี่ นแปลง ถงึ การเกดิ ขนึ้ -ตง้ั อย-ู่ ดบั ไป จะ แม้แต่รูปนามกายใจอันนี้ท่ีเคยเข้าใจว่า เป็นเราเป็นของเรา จริง ๆ แล้วไม่ได้บอกว่าเป็นเราเลย เป็นเพียงรูปนาม ขันธ์ ๕ เป็นไป เป็นไป เป็นไป ตามกรรม เป็นไปตามวิบาก การเห็นถึงสัจธรรมความเป็นจริงถึง ความเป็นอนัตตาความไม่มีเราตรงน้ี จิตคลายอุปาทาน เพราะที่เคยคิดว่ามีเรา-มีเขา-เป็นของเราอยู่นั้น จริง ๆ ๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย มีแต่การเกิดขึ้น-ต้ังอยู่-ดับไปของรูปนามเป็นขณะ ๆ ๆ อยู่ อยู่ อยู่ ยิ่งเห็นชัดถึงการเกิดดับของรูปนามที่เป็นปรมัตถ์ จิตยิ่งมีความอิสระ มี มี มี มี มี ความผ่องใส มีความสบาย พร้อม ที่จะเข้าใจถึงการเกิดขึ้น-ต้ังอยู่-ดับไปของรูปนามขันธ์ ๕ หรือของทุก ๆ อารมณ์ และทา หนา้ ทขี่ องตนเพอื่ เกอ้ื กลู แกค่ วามดี เพอ่ื ความเจรญิ งอกงาม ในธรรม แม้ที่สุดแล้วเพ่ือหลุดพ้นจากวัฏสงสาร เพื่อการพ้นทุกข์อย่าง สิ้นเชิงนั่นเอง
































































































   25   26   27   28   29