Page 48 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเล่าสภาวะ
P. 48

800
ไม่น้อยเกิน...ไม่ใช่ว่าต้องทุกอย่างนะ พูดแบบนี้ที่เล่าเมื่อกี้นี้ มันดับแบบนิดหนึ่ง ๆ ๆ ๆ โอ้โห! เหนื่อย พอ อาจารย์ไม่ใส่ใจฟังก็เหมือนกับ เวลาเล่าอาจารย์ไม่ค่อยสนใจเลย เวลาคนอื่นเล่าอาจารย์ตั้งใจฟังมากเลย สงสัยไม่สนใจเราแล้ว ไม่ได้นะ ต้องดูตัวเอง พูดอะไร อันนี้คือสภาวะจะเป็นตัวสอนเรา
สภาวธรรมที่เกิดขึ้นมา จะเป็นตัวบอก ทาให้เรารู้ว่า ประเด็นหลัก จุดสาคัญในการปฏิบัติธรรมนั้น คืออะไร ประเด็นหลักที่สาคัญที่สุด ที่เราควรรู้ที่เราควรใส่ใจนั้นคืออะไร ที่เราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร เพื่อที่ จะละอารมณ์เหล่านั้น เหมือนความคิดเกิดขึ้นมา เคยเครียด เคยหงุดหงิด พอกระทบคิดปุ๊บ มันค้างอยู่ ในใจนาน ๆ ตอนนี้รู้สึกคิดปุ๊บเขาดับ รู้สึกไม่มีรสชาติ แต่ความคิดเกิดบ่อย ๆ แต่ที่ค้างอยู่ในใจน้อยลง หรือไม่เกิดขึ้น เหลือแต่ความคิด แต่รสชาติของอารมณ์ เขาเรียกว่าตรงนี้แหละรสชาติของอารมณ์ เรียกว่า อะไร เป็นเชื้อไหม...มีเชื้อ ดับแล้วมีเชื้ออยู่ ดับไม่สนิท มันก็ยังเหมือนกับตกค้างอยู่ในใจของเรา
เหมือนกับบางครั้งไม่คิดแล้ว มันยังตะหงิด ๆ อยู่ในใจอยู่ รู้สึกไม่โล่ง ไม่เบา ไม่คิดอะไรนะ แต่ รสู้ กึ ไมส่ บาย มนั เหมอื นมอี ะไรคา้ งอยแู่ ตบ่ อกไมถ่ กู อะไรกไ็ มร่ คู้ า้ งอยู่ ถา้ เจออยา่ งนนั้ ทา อยา่ งไร กด็ บั ทคี่ า้ ง อยู่ ไม่ต้องไปหาเรื่อง คือไม่ต้องไปสนใจว่าที่ค้างอยู่คือเรื่องอะไร ดับรสชาติที่รู้สึกว่าค้างอยู่ ให้มันเกลี้ยง ไปก่อน ให้โล่ง ให้ว่าง ให้สงบ พอสงบปุ๊บ จิตโล่งขึ้นว่างขึ้น เดี๋ยวเรื่องนั้นจะปรากฏเอง อ๋อ!เมื่อกี้นี้เป็น แบบนี้ เพราะจิตเราสะอาดขึ้น โล่งขึ้น ละเอียดขึ้น สงบขึ้น จึงย้อนกลับมาเข้าใจได้ เมื่อกี้นี้เกิดจากอะไร
เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง เรียกไม่ถูกไม่เป็นไร ส่วนใหญ่จะเรียกได้นะ พอไฟเปิดปุ๊บสว่างแบบนี้ แสงสว่างสีวอร์ม สีสว่างสีขาวเดย์ไลท์ สีแดง สีเขียว เราก็รู้สึกได้นะ รู้สึกเห็นอย่างไรก็เล่าตามนั้น วิธีเล่า สภาวะ จึงใช้คาว่าวิธีเล่าสภาวะ เล่าแบบซื่อ ๆ ตรง ๆ เห็นอย่างไรก็อย่างนั้น พอปฏิบัติไปสักพัก กาหนดรู้ อาการเกิดดับ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า อาการเกิดดับไม่ชัดเลย มันมีแต่อาการไหว ๆ เล่าแบบนี้ อาการเกิดดับ... อารมณ์ นั่งแล้วยกจิตขึ้นสู่ความว่าง อาการเกิดดับมีแต่บาง ๆ เบา ๆ บาง ๆ เบา ๆ แบบนี้ เลื่อนเบาหาย บางหาย มีอาการกระเพื่อม ๆ ไหว ๆ แล้วหาย ตรงนี้เล่าแบบนี้ไปเลย ไม่ต้องไปกังวล
แล้วอาจารย์ถามเองเล่าไปแล้วตรงไหนที่ข้ามไป เดี๋ยวอาจารย์จะถาม แล้วจุดนี้เป็นอย่างไร แล้ว สภาพจิตเป็นอย่างไร แล้วดูที่รูปไหม รูปเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราสารวจทั้งหมด เราจะบอกได้เลย ยกจิตขึ้น สู่ความว่างปุ๊บ ในความว่างว่ามีอาการไหว ๆ บาง ๆ เบา ๆ พอตามรู้อาการไหว ๆ บาง ๆ เบา ๆ ไปสักพัก อาการไหว ๆ บาง ๆ เบา ๆ หายไป เหลือแล้วแต่ความรู้สึกที่ว่าง ๆ โล่ง ๆ หรือรู้สึกแต่ความรู้สึกที่ว่าง ๆ เฉย ๆ ไม่มีอะไร สังเกตไหม ที่พูดตอนกลางวัน ความรู้สึกว่าง ๆ เบา ๆ สงบ หรือเฉย ๆ ไม่มีอะไร ถ้า เป็นความรู้สึกที่ว่าง ความรู้สึกที่ว่างคืออะไร คือจิตเรา คือสภาพจิต รู้สึกว่าง ๆ
ทีนี้ที่เคยบอกว่า ความรู้สึกหรือจิตนี่นะเที่ยง...ไม่เที่ยง ไม่เที่ยง ว่าง ๆ เอง นิ่ง แล้วดูจิตที่ว่าง ๆ นั่นแหละ รู้จิตที่ว่างแล้วก็จะรู้ว่าจะว่างแบบนี้ ว่างแล้วเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ยิ่งดูมันยิ่งว่าง ยิ่งดูยิ่งจืด ยิ่งดูยิ่ง แห้งแล้ง นั่นคือสภาวะนะ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไร เพราะจากว่าง ๆ ยิ่งดูแล้วยิ่งแห้งแล้ง ยิ่งกลวง ยิ่งโล่ง นั่นคือ สภาวะ ไมไ่ ดว้ า่ ไมม่ อี ะไร เพราะเขาเปลยี่ นเปน็ แบบนนั้ นคี่ อื ตอ้ งรู้ และถา้ เปน็ อยา่ งนนั้ ทา อยา่ งไร ใหน้ งิ่ แลว้ ก็กาหนดรู้ต่อไปจนถึงที่สุด อาการกลวงเขาไปหยุดตรงไหน สิ้นสุดอาการนั้นแล้วอาการอะไรจะปรากฏขึ้น


































































































   46   47   48   49   50