Page 50 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเล่าสภาวะ
P. 50

802
ตอนเดินจงกรมยกจิตขึ้นสู่ความว่าง ทาจิตให้ว่าง ให้กว้างสงบ...แล้วเดิน ขณะที่เดิน มีสติเข้าไป กาหนดรู้อาการเดิน พอพูดถึงเดินเราก็ต้องเล่าอาการเดิน ขณะที่เดินจงกรม สมมุติเดินจงกรมเดี๋ยวนี้ไม่มี ตัวเลย อันนี้ต้องบอกชัดนะ ยกจิตขึ้นสู่ความว่างแล้วไม่มีตัวเลย เวลาเดินจงกรมรู้สึกแค่อาการเคลื่อนไป เรารวู้ า่ เราดอู ะไร ไมใ่ ชว่ า่ ขณะทเี่ ดนิ จงกรมไมม่ ตี วั เลย จติ มนั วา่ งมนั เบา กเ็ ลยเดนิ แบบลอย ๆ เบา ๆ เบา ๆ ไป อันนี้คือยังรู้ว่าทาอะไร ยังรู้ว่าทาอะไร เล่าแบบนี้ก็ยังรู้ แต่...พอเราเดินแล้วไม่ได้สนใจอาการเดิน รู้สึก เดินไปในความว่างเบา เดินแบบเบา ๆ ลอย ๆ ไม่เห็นอาการเกิดดับเลย ได้สนใจอาการเคลื่อนไหวไหม... ไม่ได้สนใจ สนใจความเบาความลอยความเบา แล้วบอกว่าไม่เห็นอาการเคลื่อนไหว ไม่เห็นอาการก้าวเท้า
อันนี้สังเกตดี ๆ นะ ไม่ใช่ว่ารูปร่างของเท้า แต่ในขณะที่เรายกจิตขึ้นสู่ความว่างความเบา แล้วรู้สึก ไม่มีตัว แต่เวลาเดิน เวลาก้าวเท้าเดิน รู้สึกว่าเขามีอาการแบบนี้ รู้สึกว่าเขามีอาการแบบนี้ ไม่มีเท้า มีอาการ พลิ้ว มีอาการไหวเกิดขึ้นตรงไหน เกิดขึ้นตรงไหนก็ได้ ที่ตัว ที่ขา ที่เท้า อันนี้ต้องรู้ เพราะเรากาลังเดินอยู่ ขณะที่เดินจงกรม มีอาการข้างหน้ามีแว็บขึ้นมา ๆ ลองสังเกตนิดหนึ่งว่า ขณะที่เราเดินไม่มีตัวแล้ว ที่อาการ ที่แว็บ ๆ ขึ้นมาข้างหน้านี่นะ เกิดขึ้นตอนที่ยกเท้า หรือก้าว หรือกระทบ อันนี้สังเกตนิดหนึ่งนะ ไม่อาศัย อาการเคลื่อนไหวของเท้าเลย มีแต่แว็บ ๆ ๆ ข้างหน้า
ลองสังเกตดูดี ๆ นิดหนึ่ง อาศัยจังหวะไหน หรือแค่ขยับตัวขยับขาปุ๊บ เขาแว็บข้างหน้า พอเท้า วืดไป เคลื่อนเท้าไปแล้วก็แว็บนิดหนึ่ง ขณะต่อไป ๆ ตรงนี้สาคัญมาก ๆ การที่เรารู้อารมณ์หลัก รู้ชัดถึง สภาวธรรมที่เกิดขึ้น จะทาให้เรามีความมั่นใจ มีความชัดเจนในอารมณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้กาหนดแบบนี้ พอหยุดเดินปุ๊บ อาการแว็บ ๆ นี้ยังอยู่ไหม พอหยุดยืนปุ๊บนี่นะ อาการแว็บที่แว็บอยู่ข้างหน้า แว็บไปอีก นิดหนึ่งแล้วก็หยุดว่างไป พอเริ่มหันกลับหลัง พอเดินมาอีก เริ่มมีอาการแว็บใหม่ ๆ ๆ เขาเกี่ยวกับการ เคลื่อนไหวไหม นี่แหละต้องรู้ว่า เหมือนกับเขาอยู่ข้างหน้า แต่อาศัยอาการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นต้องรู้ ว่า ถ้าพอหยุดยืนทาไมอาการแว็บ ๆ นี้ไม่เหมือนเดิม ไม่มี หรือต่างไป
ทนี พี้ อเราหยดุ ยนื ปบุ๊ อาการแวบ็ ๆ นหี้ ายไป พอนงิ่ สกั ระยะหนงึ่ เรมิ่ ทตี่ วั บรเิ วณตวั มอี าการวบุ ๆ ๆ ข้างในความรู้สึก อันนี้ไม่ใช่อาการนะ ไม่ต้องอาศัยการเคลื่อนแล้ว เพราะจังหวะเขาต่างกัน เหมือนเรานั่ง แล้วก็มีอาการวุบ ๆ ๆ ขึ้นมา นั่นคืออาการเกิดดับของรูปภายในที่เกิดขึ้น ตรงนี้คือให้รู้ชัดแบบนี้ แล้วเรา จะเล่าสภาวะแบบชัดเจน อาจารย์เล่าสภาวะให้ฟังนะ พอเล่าสภาวะให้ฟังเสร็จ เดี๋ยวไปหาอย่างที่อาจารย์ ว่านะ อ๋อ!ทาแบบนี้ มีอาการนี้ขึ้นมา เข้าไปกาหนดรูปแบบนี้ กลายเป็นว่า ตัวหลักเลยที่สาคัญ ที่เรารู้ชัด แบบนี้ เรารู้จุดสาคัญว่า สิ่งที่เราทา ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร
สังเกต...เมื่อไหร่ที่เรารู้ชัดในอารมณ์แบบนี้ขึ้นมา ที่บอกว่ามั่นใจตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่มั่นใจ ความตั้งมั่นของจิต ความลังเลความสงสัย ความมั่นคงของจิตจะเกิดขึ้น สติสัมปชัญญะ ที่เราบอกว่าต้อง มีสติสัมปชัญญะ เรารู้ชัดทาไมถึงมั่นใจ เพราะเราจะรู้ถึงเหตุและผลในตัว เหตุและผลในตัว ไม่ใช่แค่อยู่ ๆ กเ็ กดิ ขนึ้ อะไรกไ็ มร่ นู้ นี่ ะ เราจะเหมอื นกบั ไมม่ เี หตุ ไมร่ วู้ า่ เหตหุ รอื ผลทเี่ กดิ ขนึ้ มา เพราะสภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ มนี ามเปน็ เหตุ มรี ปู เปน็ ผล รปู เปน็ เหตนุ ามเปน็ ผลสลบั กนั อยู่ เปน็ เหตผุ ลซงึ่ กนั และกนั ทเี่ ปลยี่ นไป อาจารย์


































































































   48   49   50   51   52