Page 64 - บทความวิชาการนานาชาติวารสารวิทยาลัยสงฆ์ปี60.
P. 64
136 งานประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 1
มือตำมภำรกิจโดยเฉพำะคนในวงกำรศึกษำ คิดว่ำนี เป็นแสงสว่ำงจ้ำทีเดียวที จะท่ำให้ไทย หลุดพ้นจำก” ตะวันตกมำกยิ งขึ้นและกลำยเป็นคนมักง่ำยมำกยิ งขึ้น โดยขำดพื้นฐำนของวัฒนธรรมวิทยำศำสตร์และ
22
ประเทศก่ำลังพัฒนำ” กลำยเป็น “ประเทศพัฒนำแล้ว” อย่ำงแท้จริงซักที วัฒนธรรมอุตสำหกรรมที เป็นวัฒนธรรมแห่งกำรใฝ่รู้และสู้สิ งยำก
ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0 นับเป็นกระแสที ได้รับกำรกล่ำวถึง และวิเครำะห์ในแง่มุมต่ำง ๆ นอกจำกนี้แล้ว ลักษณะเดิมของสังคมไทยที มีวัตถุพรั งพร้อม (ในน้่ำมีปลำ ในนำมีข้ำว) ไม่มีควำมบีบรัด
อย่ำงมำกมำย ทั้งนี้คงเนื องมำจำกเป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบำยของรัฐบำล ที จะขับเคลื อนประเทศไทยไปสู่ ทำงเศรษฐกิจ มีควำมเป็นอยู่ที สุขสบำย เพรำะมีวัตถุเสพบริโภคที พรั งพร้อมที จะบ่ำรุงบ่ำเรอร่ำงกำย ลักษณะ
เป้ำหมำย “มั นคง มั งคั ง ยั งยืน” โดยเฉพำะอย่ำงยิ ง นโยบำยที จะเปลี ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที เช่นนี้ไปกันได้ด้วยดีกับกำรรับเอำเทคโนโลยีจำกต่ำงชำติ ที เข้ำมำพร้อมกับกระแสบริโภคนิยม และสอดคล้อง
ขับเคลื อนด้วยนวัตกรรม เมื อมองถึงพัฒนำกำรของสังคมไทย ผ่ำนควำมเป็นประเทศไทย 1.0 2.0 และ 3.0 ซึ ง กับกระแสควำมเชื อในเรื องไสยศำสตร์ในสังคมไทยที มีมำแต่เดิม เกิดเป็นวัฒนธรรมเทคโนโลยีผสำนไสยศำสตร์
ถูกก่ำหนดแนวทำงกำรพัฒนำด้วยแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติมำตั้งแต่ พ.ศ. 2504 จะพบว่ำ แม้ว่ำ คือ กำรพึ งพำสิ งภำยนอก โดยที ไม่ต้องลงมือท่ำกำร สังคมไทยจึงเป็นสังคมที รอผลดลบันดำล พึ งพำอ่ำนำจ
ในบำงช่วงของแผนจะประสบควำมส่ำเร็จในกำรพัฒนำ เช่น กำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนในแผนฉบับแรก ๆ ภำยนอกต่ำง ๆ สังคมไทยจึงตกอยู่ในสภำพควำมอ่อนแอ ขำดควำมเข้มแข็งที จะไปพัฒนำประเทศ นั นก็คือกำร
และกำรสร้ำงควำมเจริญเติบโต และรักษำอัตรำกำรเติบโตทำงเศรษฐกิจอย่ำงต่อเนื องและมีเสถียรภำพในแผน สร้ำงคนไทยให้มีจิตใจวิทยำศำสตร์และวัฒนธรรมวิทยำศำสตร์ อันเป็นลักษณะของควำมใฝ่รู้ รักควำมจริง ชอบ
ฉบับที 6-7 แต่ปัญหำที ส่ำคัญที สุดประกำรหนึ งของกำรพัฒนำสังคมไทย ก็คือ กำรพัฒนำคนให้มีศักยภำพใน เหตุผลนิยมปัญญำ ชอบค้นคว้ำ แสวงหำสืบสำว ตรวจสอบ และกำรทดลองจนค้นพบควำมจริง และจิตใจของ
กำรที จะพัฒนำประเทศ จะเห็นได้ว่ำ ในแผนฉบับที 8 เป็นต้นมำ จะเน้นกำรพัฒนำที มุ่งให้ “คนเป็นศูนย์กลำง นักเทคโนโลยีที ใฝ่สร้ำงสรรค์ และจิตใจแห่งนักอุตสำหกรรมที เพียรบำกบั นสู้สิ งยำก นอกจำกจะต้องหันมำ
กำรพัฒนำ” และใช้เศรษฐกิจเป็นเครื องมือช่วยพัฒนำคนให้มีควำมสุข และมีคุณภำพชีวิตที ดี รวมทั้งกำร สร้ำงวัฒนธรรมแห่งควำมใฝ่รู้สู้สิ งยำกแล้ว ท่ำนยังเห็นว่ำ คนไทยยังจะต้องมีวัฒนธรรมแห่งกำรมองกว้ำง คิด
พัฒนำที บูรณำกำรแบบองค์รวม เพื อให้เกิดควำมสมดุลระหว่ำงกำรพัฒนำเศรษฐกิจ สังคม และสิ งแวดล้อม ไกล และใฝ่รู้ อีกด้วย นั นก็คือ คนไทยจะต้องไม่มองเห็นเฉพำะประโยชน์ของตัวเอง ของพวกพ้อง หรือมองเห็น
เมื อพิจำรณำในแง่มุมของพระพุทธศำสนำในฐำนะสถำบันหลักหนึ งในสังคมไทย ที ได้เข้ำมำมีบทบำท เฉพำะประโยชน์เฉพำะหน้ำเท่ำนั้น แต่จะต้องมองให้กว้ำงออกไปในสังคม โลก และธรรมชำติ ซึ งมิได้จ่ำกัด
ต่อกำรพัฒนำสังคมไทย ก็จะพบว่ำ ในอดีตพระพุทธศำสนำประสบควำมส่ำเร็จในกำรสร้ำงควำมอยู่ดีมีสุขให้กับ ขอบเขตอยู่กับเพียงสังคมใดสังคมหนึ ง และจะต้องมองในลักษณะของกำรสร้ำงสรรค์วัฒนธรรมอีกด้วย นั นคือ
สังคมไทย จนคนไทยมีลักษณะนิสัยที เด่นชัด คือ มีควำมเอื้อเฟื้อเผื อแผ่ ชอบสนุกและชอบท่ำบุญ ซึ งนับเป็น กำรที จะสร้ำงสรรค์ได้จะต้องมีควำมใฝ่รู้ในสิ งต่ำงๆ อยู่เสมอ
ควำมวิเศษอย่ำงหนึ งของวัฒนธรรมไทย ที สำมำรถบูรณำกำรควำมสนุกกับแนวคิดทำงพระพุทธศำสนำในเรื อง สิ งที สังคมไทยจะต้องด่ำเนินกำรอีกประกำรหนึ งก็คือ กำรรักษำวัฒนธรรมแห่งเมตตำให้คงอยู่อย่ำง
บุญเข้ำด้วยกัน ดังปรำกฏในประเพณีต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะเป็นงำนบวชนำค งำนแต่งงำน งำนวันสงกรำนต์ เป็นต้น ยั งยืน ได้แก่ กำรรักษำควำมมีน้่ำใจ ควำมรัก ควำมปรำรถนำดี กำรเอื้อเฟื้อเผื อแผ่ช่วยเหลือกันต่ำงๆ ตลอดจน
ต่อมำ เมื อสังคมไทยได้เกิดกำรเปลี ยนแปลงในกำรพัฒนำประเทศ โดยมุ่งกำรพัฒนำที เน้นวัตถุตำม กำรนับถือกันเป็นพี น้อง เป็นต้น อันเป็นพื้นเพภูมิหลังของสังคมไทยมำแต่เดิม ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็
แบบอย่ำงตะวันตก พระพุทธศำสนำก็เริ มสูญเสียบทบำทที มีต่อกำรพัฒนำประเทศอย่ำงที เคยเป็นมำ เนื องจำก จะต้องพัฒนำวัฒนธรรมในกำรแสวงปัญญำ คือ ควำมใฝ่รู้ เข้ำถึงควำมจริง และกำรคิดหำทำงแก้ไขปัญหำในสิ ง
สังคมไทยไปต้อนรับวัฒนธรรมตะวันตก สังคมไทยเริ มมีปัญหำมำกยิ งขึ้น โดยเฉพำะกำรรับเอำควำม ต่ำงๆ เพื อที จะสำมำรถด่ำรงสังคมอยู่ได้ในโลกแห่งกำรแข่งขันในปัจจุบัน กำรที คนไทยจะก้ำวไปสู่ทิศทำงที
เจริญก้ำวหน้ำแบบตะวันตกเข้ำมำ ทั้งนี้เพรำะสังคมไทยไม่ได้มีภูมิหลังและรำกฐำนควำมเจริญทำงสังคม ก่ำหนดไว้ได้นั้น ท่ำนเห็นว่ำ “คนไทยจะต้องมีปัญญำที เข้มแข็ง จะมองเรื องอะไรต้องมองให้ชัด จะศึกษำอะไร
อุตสำหกรรม และไม่มีวัฒนธรรมอุตสำหกรรมแบบตะวันตก ท่ำให้สังคมไทยมีสภำพที นักวิชำกำรเรียกว่ำ ต้องให้รู้เข้ำใจชัด โดยเฉพำะเด็กและเยำวชนของเรำ จะต้องให้เขำพัฒนำตัวขึ้นมำชนิดที ได้ปัญญำที แท้ ไม่ใช่
“ทันสมัยแต่ไม่พัฒนำ-modernization without development" คือกำรที ประเทศไทยมีควำมทันสมัยจริง อยู่แค่สักแต่ว่ำควำมโก้ แต่จะต้องกระจ่ำง ชัดเจน เรียนรู้อะไรต้องชัดเจน ให้เกิดปัญญำที แท้จริง แล้วเรำก็จะ
แต่ภำยนอก แต่ในเนื้อหำแล้วไม่ได้พัฒนำให้เกิดขึ้นในสังคมของตัวเอง ไม่ว่ำจะเป็นระบบกำรศึกษำ กำรเมือง มำช่วยแก้ปัญหำสร้ำงสรรค์สังคมได้จริง สังคมก็จะเดินหน้ำไปได้”
กำรปกครอง ระบบเศรษฐกิจ เป็นต้น ดังมีนักปรำชญ์คือ สมเด็จพระพุทธโฆษำจำรย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) วัดญำณเว
ศกวัน ได้วิเครำะห์ไว้ว่ำ กำรที สังคมไทยได้รับเอำควำมเจริญแบบตะวันตกเข้ำมำ ไม่ว่ำจะเป็นแนวคิดทำงด้ำน สรุป
วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี ระบบอุตสำหกรรม ท่ำให้สังคมไทยรับเอำควำมเจริญตำมแบบอย่ำงตะวันตกอย่ำง สังคมไทยได้เกิดกำรเปลี ยนแปลงในกำรพัฒนำประเทศ โดยมุ่งกำรพัฒนำที เน้นวัตถุตำมแบบอย่ำง
เต็มที แต่กำรรับเอำวัฒนธรรมดังกล่ำวนั้น ไม่สอดคล้องกับภูมิหลังของสังคมไทย เพรำะคนไทยมักจะรับในเข้ำ ตะวันตกจนขำดหลักกำรพัฒนำทำงพระพุทธศำสนำที แท้จริงต้องใช้ ค่ำว่ำกำรพัฒนำที ยั งยืน ( Sustainable
มำในแง่ของกำรเสพบริโภค หรือรับเอำแต่สิ งที เป็นเครื องอ่ำนวยควำมสะดวกสบำย ท่ำให้คนไทยที แต่เดิมมี Development ) เป็นกำรสื อถึงคนเรำยุคปัจจุบันและคนรุ่นต่อไปในอนำคตด้วย เป็นกำรพัฒนำท่ำมกลำง
วัฒนธรรมแบบเกษตรกรรม และมีควำมเป็นอยู่ที สะดวกสบำยอยู่แล้ว กลับเสพติดควำมสบำยจำกวัฒนธรรม
22 ธนภณ สมหวัง. “พุทธศาสนากับการพัฒนาไทยแลนด์ 4.0” [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล:
www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641259, [19 กรกฎำคม 2560].