Page 36 - วิจัยยยย
P. 36
สรุปผลการวิจัย
ผลการวิจัยการศึกษาพฤติกรรมการเกิดปัจจัยการค้างช าระหนี้เงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อ
การศึกษา (กยศ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ และ
บุคคลภายนอกที่เคยได้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จากมหาวิทยาลัยอื่น สรุปผลตาม
วัตถุประสงค์ได้ดังนี้
จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่เป็นปัญหาต่ออุปสรรคที่มีผลต่อการค้างช าระหนี้ (กยศ.) ทางด้าน
เศรษฐกิจ โดยเรียงล าดับจากมากไปน้อยได้ ดังนี้ มีค่าครองชีพสูงขึ้นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.61 ทางด้านการเงิน กลุ่ม
ตัวอย่างน าเงินไปช าระหนี้อื่นๆก่อนช าระหนี้กองทุนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.96
จากการศึกษาพบว่า สาเหตุส่วนบุคคลที่มีผลต่อการค้างช าระหนี้ (กยศ.) ทางด้านครอบครัว ท่าน
ต้องส่งเงินให้บิดา มารดาค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.91 ทางด้านสังคม ค่าใช้จ่ายในการแต่งตัวเครื่องประดับต่างๆ
ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.65 ทางด้านสุขภาพมีภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับประกันค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.30
จากการศึกษายังพบว่า หลักเกณฑ์เงื่อนไขการค้างช าระหนี้ของเงินกู้เพื่อการศึกษา (กยศ.)มีความ
ชัดเจนและผู้กู้มีความเข้าใจ โดยเรียงล าดับจากมากไปน้อยได้ ดังนี้ ทางด้านกระบวนการหรือขั้นตอนการ
ให้บริการ การอธิบาย ชี้แจง และการแนะน าขั้นตอนการให้บริการมีความชัดเจนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.63 ทางด้าน
การประชาสัมพันธ์และการรับรู้ข่าวสารค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.33
ข้อเสนอะแนะที่ได้จากการวิจัย
ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย พบว่า ปัญหาและอุปสรรคหลักๆ ที่สามารถควบคุมได้ ที่ส่งผลกระทบ
ต่อการเกิดค้างช าระหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา มาจากที่ผู้กู้น าเงินไปช าระหนี้อื่นๆก่อนช าระหนี้
กองทุน ผู้วิจัยคิดว่าผู้กู้ควรจะช าระหนี้กองทุนก่อนที่จะไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆเพราะกองทุนให้กู้ยืมเพื่อ
การศึกษาจะได้มีเงินไว้หมุนเวียนให้กับคนที่ต้องการจะกู้ยืมในปีต่อๆไปได้ และเพื่อไม่ให้ผู้ค ้าประกันต้อง
รับผิดชอบแทนตัวผู้กู้
และเนื่องจากปัจจุบันมีการค้างช าระหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นจ านวนมาก ทางกองทุน
เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ก าหนดให้องค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน มีหน้าที่หักเงินที่ได้มา
จากการจ้างแรงงานของพนักงานและลูกจ้างที่เป็นผู้กู้ยืมน าส่งกรมสรรพากร พร้อมกับการน าส่งภาษีเงินได้
หัก ณ ที่จ่ายเพื่อช าระหนี้คืนกองทุน ตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อ
28
