Page 153 - E book พว21001_Neat
P. 153
152
5.2.2 พายุฝนฟ้ าคะนองภูเขา (Orographic Thunderstorm)
เกิดจากการที่มวลอากาศอุ่นเคลื่อนที่ไปปะทะกับภูเขา ขณะที่มวลอากาศเคลื่อนที่ไปตามลาด
เขาอากาศจะเย็นตัวลง ไอน ้ากลั่นตัวกลายเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) ท าให้เกิดลักษณะ
ของฝนปะทะหน้าเขา พายุลักษณะนี้จะเกิดบริเวณต้นลมของภูเขา เมฆจะก่อตัวในแนวตั้งสูงมาก ท าให้
ลักษณะอากาศแปรปรวนมาก
5.2.3. พายุฝนฟ้ าคะนองแนวปะทะ (Frontal Thunderstorm)
เกิดจากการปะทะกันของมวลอากาศ มักเกิดจากการปะทะของมวลอากาศเย็นมากกว่า
มวลอากาศอุ่น มวลอากาศอุ่นจะถูกดันให้ยกตัวลอยสูงขึ้น ไอน ้ากลั่นตัวกลายเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส
(Cumulonimbus) และเกิดเป็นพายุฝนฟ้ าคะนองแนวปะทะอากาศเย็น อากาศเย็น มวลอากาศอุ่น
เคลื่อนที่ไป การเคลื่อนที่มาปะทะกันของปะทะภูเขา มวลอากาศอุ่นและเย็น ท าให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
5.3 ปรากฏการณ์ที่เกิดจากพายุฝนฟ้ าคะนอง
ขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองจะเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก มีลมกระโชกแรงเป็นครั้ง
คราว โดยในรอบ 1 ป ี ทั่วโลกมีพายุฝนฟ้ าคะนองเกิดขึ้นถึง 16 ล้านครั้ง โดยเฉพาะในเขตละติจูดสูง และ
ในเมืองที่อากาศร้อนชื้นจะมีจ านวนวันที่มีพายุฝนฟ้ าคะนองเกิดได้ถึง 80 - 160 วันต่อปี ส าหรับประเทศ
ไทยมักเกิดมากในเดือน เมษายน - พฤษภาคม เป็นช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองมากที่สุด
5.3.1 การเกิดฟ้ าแลบ เกิดขึ้นพร้อมกับฟ้ าร้อง แต่มนุษย์เรามองเห็นฟ้ าแลบก่อนได้ยินเสียงฟ้ า
ร้อง เนื่องจากแสงเดินทางเร็วกว่าเสียง (แสงมีอัตราเร็ว 300,000 กิโลเมตร/วินาที ส่วนเสียงมีอัตราเร็ว
1/3 ของแสง) ประกายไฟฟ้าของฟ้าแลบ 1 ครั้ง มีปริมาณไฟฟ้าจ านวนสูงถึง 200,000 แอมแปร์ และมี
ความต่างศักย์ถึง 30 ล้านโวลต์ ฟ้ าแลบเกิดจากประจุไฟฟ้ าเคลื่อนที่จากก้อนเมฆสู่ก้อนเมฆ จากก้อน
เมฆสู่พื้นดิน โดยมีขั้นตอนคือ ประจุไฟฟ้ าที่เคลื่อนที่ถ่ายเทในก้อนเมฆมีการเคลื่อนที่หลุดออกมาและ
ถ่ายเทสู่อาคารสิ่งก่อสร้าง หรือต้นไม้สูงบนพื้นดิน เหตุการณ์เหล่านี้ใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที และเกิด
เป็นแสงของฟ้าแลบ ซึ่งบางครั้งล าแสงมีความยาวถึง 60 - 90 เมตร
5.3.2 การเกิดฟ้ าร้อง เนื่องจากประกายไฟฟ้ าของฟ้ าแลบท าให้อากาศในบริเวณนั้นมีอุณหภูมิ
สูงขึ้นถึงประมาณ 25,000 องศาเซลเซียส อย่างเฉียบพลัน มีผลท าให้อากาศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
และรุนแรง ท าให้เกิดเสียง "ฟ้าร้อง" เนื่องจากฟ้าร้องและฟ้าแลบเกิดขึ้นพร้อมกัน ดังนั้นเมื่อเรามองเห็น
ฟ้าแลบ และนับจ านวนวินาทีต่อไปจนกว่าจะได้ยินเสียงฟ้ าร้อง เช่น ถ้านับได้ 3 วินาที แสดงว่าฟ้ าแลบ
อยู่ห่างจากเราไปประมาณ 1 เมตร และสาเหตุที่เราได้ยินเสียงฟ้ าร้องครวญครางอย่างต่อเนื่องไปอีก
ระยะหนึ่ง เนื่องจากมีสาเหตุมาจากการเดินทางของเสียงมีความต่างกันในเรื่องของระยะเวลาและ
ระยะทางที่คาบเกี่ยวกันนั่นเอง