Page 4 - Atomic Physics
P. 4
รังสีเอกซ์ เรินต์เกน ได้พบรังสีเอกซ์โดยบังเอิญจากการทดลองรังสีแคโทด
รังสีเอกซ์มีอ่านาจทะลุทะลวงผ่านวัตถุมีความหนาแน่นต่่า
จากการทดลองพบรังสีเอกซ์ 2 ชนิด
1. การเกิดรังสีเอกซ์ต่อเนื่อง = 2. การเกิดรังสีเอกซ์เฉพาะตัว = ℎ = −
ล่าอิเล็กตรอนพลังงานสูงวิ่ง = ℎ ล่าอิเล็กตรอนพลังงานสูงวิ่ง
สนับสนุนทฤษฎีอะตอมของโบร์
เข้าใกล้นิวเคลียส แรงทาง = ℎ เข้าไปในอะตอมและชนกับ “อะตอมมีระดับพลังงานเป็นชั้น ๆ”
ไฟฟ้าจะท่าให้อิเล็กตรอนมี อิเล็กตรอนในวงโคจรชั้นใน (ของอะตอมอื่นๆนอกจากอะตอม H)
ความเร็วเปลี่ยนแปลง = ℎ เกิดการเปลี่ยนชั้นพลังงาน
ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ปรากฏการณ์ที่ฉายแสงที่มีความถี่สูงตกกระทบผิวโลหะ
แล้วท่าให้เกิดประจุไฟฟ้าหลุดออกมาจากโลหะได้ ประจุนั้นเรียกว่า “โฟโตอิเล็กตรอน”
หาพลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอน =
1. ถ้าแสงที่ตกกระทบมีความถี่ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกที่อธิบายโดยไอน์สไตน์
น้อยกว่า ความถี่ขีดเริ่ม อิเล็กตรอนจะไม่หลุดจากผิวโลหะ
เท่ากับ ความถี่ขีดเริ่ม อิเล็กตรอนจะหลุดจากผิวโลหะพอดี E k max = hf − W
มากกว่า ความถี่ขีดเริ่ม อิเล็กตรอนจะหลุดจากผิวโลหะ W = hf 0
และมีพลังงานจลน์ แสงสามารถแสดงสมบัติความเป็นอนุภาค
2. จ่านวนโฟโตอิเล็กตรอนขึ้นกับความเข้มแสง
3. พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอนขึ้นกับความถี่แสง ระวัง! อย่าลืมดูหน่วย J หรือ eV
ความยาวคลื่นมาก พลังงานจะน้อย
ปรากฏการณ์คอมป์ตัน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถ
แสดงสมบัติความเป็นอนุภาคได้ Δ = − = ℎ (1 − )
′
สมมติฐานของเดอบรอยล์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือโฟตอนสามารถแสดงสมบัติของอนุภาคได้ ℎ ℎ
อย่างนั้นสิ่งที่เป็นอนุภาคก็น่าจะแสดงสมบัติของคลื่นได้ = =
ℎ ℎ
ത
อิเล็กตรอนประพฤติตัวเป็นคลื่นนิ่ง 2 = = = = ℎ ตรงกับสมมติฐานของโบร์
2
กลศาสตร์ควอนตัม หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก (∆ )(∆ ) ≥ ℎ
ത
ทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่ใช้ โครงสร้างอะตอมตามแนวคิด อะตอมเสมือนกลุ่มหมอกห่อหุ้มนิวเคลียสอยู่
อธิบายธรรมชาติในระดับ กลศาสตร์ควอนตัม กลุ่มหมอกหนาแน่นมาก โอกาสพบอิเล็กตรอนจะมาก
อะตอมได้อย่างเหมาะสม กลุ่มหมอกอาจมีลักษณะเป็นวงกลมหรือรูปร่างอื่น
อัตราเร็วของแสง C = 3.00 x10 m/s ความเร่งโน้มถ่วง g = 9.8 m/s 2 ประจุไฟฟ้าของอิเล็กตรอน e = 1.60 x 10 C
-19
8
_
มวลอิเล็กตรอน m = 9.11x10 -31 kg ค่าคงตัวพลังค์ h = 6.63 x 10 -34 Js ค่าคงตัวพลังค์หารด้วย 2 h = 1.05 x 10 -34 Js
e
7
2
9
ค่าคงตัวคูลอมบ์ k = 9.00 x 10 Nm / C 2 ค่าคงตัวริดเบิร์ก R = 1.097 x 10 m -1
H