Page 20 - JMSD VOL.1 No.1 2016 _Neat
P. 20
วารสาร มจร การพัฒนาสังคม
ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2559
พฤติกรรมจริยธรรมความอดทน ที่แสดงออกเรียงจากมากไปน้อย 5 ลำาดับแรก คือ นักศึกษา มี
ความอดทนในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมกีฬาสีของคณะและกิจกรรมค่ายอาสาต่างๆ, นักศึกษา
ควรมีความอดทนในการศึกษาหาความรู้, ควรมีการยกย่องชมเชยนักศึกษาที่มีความอดทน เพื่อเป็นแบบ
อย่างที่ดีสำาหรับคนอื่น, หากไค้รับมอบหมายให้ทำางานนอกเวลาเรียนนักศึกษาจะรีบปฏิบัติทันที, ควรมี
การยกย่องชมเชยนักศึกษาที่มีความอดทนเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำาหรับคนอื่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด
ของไสว มาลาทอง(ไสว มาลาทอง, 2542 : 22 กล่าวว่า ความอดทน (ขันติ) เป็นหลักธรรมที่จำาเป็น ลำาห
รับคราวที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะทำาให้จิตใจเราหันเหไปจากทางที่ดีดังนั้นจึงควรบำาเพ็ญ
ขันติใน 4 สถาน คือ 1. อดทนต่อความลำาบากตรากตรำา เป็นการอดทนต่อสภาพธรรมชาติ ดิน ฟ้าอากาศ
ความหนาว ความร้อน ฝนตก แดดออก ฯลฯ ก็อดทนทำางานเรื่อยไป ไม่ใช่เอาแต่โทษเทวดาฟ้าดิน หรืออ้าง
เหตุเหล่านี้แล้วไม่ทำางาน 2. อดทนต่อทุกขเวทนา เป็นการอดทนต่อการเจ็บไข้ ไค้ป่วยความไม่สบายกาย
ของเราเอง ความปวด ความเมื่อย ผู้ที่ขาดความอดทนประเภทนี้ เวลาเจ็บป่วยจะร้องครวญครางพร่ำาเพ้อ
รำาพัน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย 3. อดทนต่อความเจ็บใจ เป็นการอดทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ ความ
ขัดใจอันเกิดจากคำาพูดที่ไม่ชอบใจ กิริยามารยาทที่ไม่งาม การบีบคั้นทั้งจากผู้บังคับบัญชาและลูกน้อง ความ
อยุติธรรมต่างๆ ในสังคม ระบบงานต่างๆ ที่ไม่คล่องตัว ฯลฯ 4. อดทนต่ออำานาจกิเลส เป็นการอดทนต่อ
อารมณ์อันน่าใคร่น่าเพลิดเพลินใจ อดทนต่อสิ่งที่เราอยากทำา แต่ไม่สมควรทำา เช่น อดทนไม่เที่ยวเตร่ ไม่
เล่นการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพย์ติด ไม่รับสินบน ไม่คอรัปชั่น ไม่ผิดลูกเมีย ไม่เห่อยศ ไม่บ้าอำานาจ ไม่ขี่โอ่ ไม่ขี้
อวด เป็นต้น ในขณะที่ปฏิบัติในขันตินั้น ถ้าไม่มีโสรัจจะ คือ การทำาใจให้สบายนี้มาประกอบด้วย ก็จะรู้สึก
ว่าเป็นขันติที่เป็นทุกข์ ดังเช่น เมื่อกระทบกับคำาจาบจ้วงล่วงเกิน ก็ปฏิบัติทำาขันติคือความอดทนเอาไว้ แต่
ว่ายังมีความเจ็บใจ ยังมีความโกรธ ความขึ้งเคียดอยู่ในใจ แต่ก็พยายามที่จะกลั้นเอาไว้ ดังที่เรียกว่า อด
กลั้น อยากที่จะโต้ตอบเขาออกไปทันที อยากที่จะทำาร้ายเขาออกไปทันที ด้วยอำานาจของโทสะ หรือความ
เจ็บใจ แต่ก็กลั้นเอาไว้ไม่ทำาออกไป
พฤติกรรมจริยธรรมความมีสัมมาคารวะ ที่แสดงออกเรียงจากมากไปน้อย 5 ลำาดับแรก คือ ควรจัด
ให้มีการสอนวิชามารยาทไทยกับนักศึกษาทุกระดับชั้นปี, มหาวิทยาลัยควรมีการอบรมเกี่ยวกับ การไหว้และ
การทำาความเคารพผู้อาวุโส, มหาวิทยาลัยควรฝึกอบรมมารยาทให้แก่นักศึกษา, ควรจัดกิจกรรมประกวด
มารยาทไทย, การจัดกิจกรรมการประกวดมารยาทไทยควรจัดทุกปีเพื่อเสริมสร้างการมีสัมมาคารวะต่อ
บุคคลอื่น อาจารย์ผู้สอนควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักศึกษา อาจารย์ผู้สอนควรสอดแทรกพฤติกรรมจริยธรรม
ด้านความมีสัมมาคารวะในวิชาที่สอนจากข้อค้นพบสอดคล้องกับแนวคิดของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ป
ยุตฺโต, 2539 : 333-335) ว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หลักธรรมคำาสอน การใช้ชีวิตของมนุษย์
โลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ สังคหวัตถุ 4 หมายถึง หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว น้ำาใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อ
เฟือ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่ 1. ทาน คือ การให้ การเสีย
สละ หรือการเอื้อเฟือแบ่งปันของๆ ตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้
11