Page 1351 - บทคดยอการทดลองสนสด 58 สมบรณ_Neat

รายงานผลการทดลองสิ้นสุด ปี 2558

1. ชุดโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาไผ่เชิงพาณิชย์
2. โครงการวิจัย เทคโนโลยีการผลิตไผ่เชิงพาณิชย์

3. ชื่อการทดลอง การศึกษารูปแบบการให้น้ำและวัสดุคลุมที่เหมาะสมในการผลิต

หน่อไม้นอกฤดู
Study on Water Supply and Mulching Material for Bamboo

Shoot Production off Season

4. คณะผู้ดำเนินงาน รักชัย คุรุบรรเจิดจิต เพ็ญจันทร์ สุทธานุกูล 1/
1/
พรรณผกา รัตนโกศล จาริณี จันทร์คำ 1/
1/
กฤษณ์ ลินวัฒนา นรินทร์ พูลเพิ่ม 3/
2/
5. บทคัดย่อ
เพื่อหารูปแบบการให้น้ำและวัสดุคลุมที่เหมาะสมในการผลิตหน่อไม้นอกฤดู ศูนย์วิจัยพืชสวน

สุโขทัย จึงได้ทำการให้น้ำปริมาณเท่าๆ กัน ด้วยสายยาง สปริงเกลอร์ และมินิสปริงเกลอร์ คลุมด้วย
แกลบดิบ แกลบดำ ฟางข้าว และไม่คลุมโคนกับไผ่พันธุ์ซางหม่นที่ไว้ลำ 6 ลำต่อกอเท่ากัน ในด้านการ

เจริญเติบโตไผ่พันธุ์ซางหม่นเจริญเติบโตเร็วสามารถเริ่มเก็บผลผลิตหน่อได้เมื่ออายุ 2 ปี โดยมีความสูง
เฉลี่ยระหว่าง 720 - 970 เซนติเมตร ทรงพุ่มกว้างเฉลี่ย 410 - 520 เซนติเมตร เมื่ออายุ 3 ปี ผลผลิตไผ่

นอกฤดู (กุมภาพันธ์ - เมษายน) ไผ่ออกหน่อน้อย เนื่องจากมีอากาศหนาวเย็นจัดในช่วงเดือนธันวาคม 2556

ถึงมกราคม 2557 โดยมีจำนวนหน่อเฉลี่ย 2 หน่อต่อกอ และมีน้ำหนักเฉลี่ย 420 กรัมต่อกอ การคลุมด้วย
แกลบดิบ ไผ่มีผลผลิตดีที่สุด โดยมีจำนวนหน่อ 3 หน่อต่อกอ และมีน้ำหนัก 630 กรัมต่อกอ ส่วนในฤดู

(พฤษภาคม - กันยายน) ที่ไม่มีการให้น้ำ การคลุมด้วยฟางข้าวให้ผลผลิตสูงสุดมี 29 หน่อต่อกอ และ

น้ำหนัก 16.44 กิโลกรัมต่อกอ เมื่อไผ่อายุ 4 ปี การผลิตช่วงนอกฤดู การให้น้ำโดยสปริงเกลอร์ และ
มินิสปริงเกลอร์มีจำนวนหน่อ 8 หน่อต่อกอ และคลุมด้วยแกลบดิบมี 11 หน่อต่อกอ สูงกว่ากรรมวิธีอื่นๆ

ขณะที่การคลุมด้วยฟางข้าวมีน้ำหนักหน่อเฉลี่ยสูงสุด 3.88 กิโลกรัมต่อกอ ส่วนในฤดู การใช้วัสดุคลุมโคน

และไม่คลุมโคนไม่แตกต่างกันโดยมีจำนวน 28 - 31 หน่อต่อกอ และคลุมด้วยฟางข้าวมีน้ำหนักหน่อสูงสุด
12.48 กิโลกรัมต่อกอ ในการผลิตนอกฤดู การใช้สปริงเกลอร์ และมินิสปริงเกลอร์เหมาะสมที่สุด และ

คลุมด้วยฟางข้าวหรือแกลบดิบ แต่การผลิตนอกฤดู ไผ่ให้ผลผลิตน้อยอาจไม่คุ้มกับการลงทุน ส่วนต้นทุน
วัสดุคลุมและรูปแบบการให้น้ำระหว่าง 2,250 - 6,120 บาทต่อไร่

___________________________________________

1/ ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย
2/ สถาบันวิจัยพืชสวน

3/ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2
1284