Page 16 - ไม้แกะสลักล้านนา ปูมผญาสล่าเมือง
P. 16
16
ยุคแห่งกํารค้ํา
ทใี่ ดมกี ารคา้ ทนี่ นั่ มชี าวจนี เมอื่ มกี ารคา้ รมิ ฝง่ั แมน่ า้ ปงิ มเี รอื หางแมงปอ่ งขนสนิ คา้ มบี า้ นตา้ วดั เกตเปน็ แหลง่ กระจายสนิ คา้ โดยส่วนใหญ่คนที่ทาการค้าก็คือชาวจีน โดยชาวจีนนั้นเดินทางเข้ามาอาศัยในล้านนาได้สองทาง ส่วนที่เข้ามาทางเส้นทางการค้า คือเชียงรุ่ง-ต้าลี่-ยูนนานซึ่งเรียกกันว่า ชาวฮ่อ อีกกลุ่มหนึ่งล่องเรือมาทางน้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้เห็นกลุ่มชาวจีนค้าขายริมน้าที่ ลาปางและเชียงใหม่ ส่วนใหญ่เป็นชาวแต้จิ๋วและไหหลา เมื่อชาวจีนมาก็นาความรู้เรื่องเส้นไหมเส้นใยของการทอผ้ามาด้วย ทาให้ คนรู้จักกี่กระตุกที่เพิ่มการผลิตได้มากกว่าเท่าตัว และการนาลายจีนต่างๆ เข้ามาผสมผสานกับลายล้านนาอีกด้วย นอกเหนือจาก การค้าขายริมน้าของชาวจีนก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทาการค้าเหมือนกัน นั่นคือกลุ่มชาวตะวันตกที่มาทาการค้าไม้ พวกเขา ไม่ได้มาเปล่าแต่นาแรงงานต่างถิ่นมาด้วย เป็นกลุ่มที่สร้างงานพุทธศิลป์จากไม้ นั่นคือกลุ่มชาวไทใหญ่หรือเงี้ยว และชาวปะโอ ที่สร้างวิหารไม้สวยงามไว้ในตัวเมืองลาปาง ที่แม่ฮ่องสอนก็มีการส่งไม้บริเวณบ้านแม่สามแล่บ ที่แม่ฮ่องสอนจึงมีทั้งกลุ่มชาวพม่า และชาวไทใหญ่ ชาวปะโอ ทางานอยู่บริเวณนั้นเช่นกัน
สล่าแป๋งต้องควักไม้ล้านนา
ชาวจีนในจังหวัดลาปางในอดีต หน้าห้าง “เยียนซีไท้ลีกี” (ของตระกูล ทิวารี) ถนนกาดกองต้า ตรงข้ามร้าน “กวางฮั่วหลี” ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ภาพจากเว็บไซต์ http://onlampang. blogspot.com
ไม้แกะสลักล้านนา ปูมผญาสล่าเมือง
ยุคแห่งกํารเชื่อมต่อและคมนําคม
ถือเป็นยุคแห่งการพลิกผันแห่งวงการช่างต่างๆ เมื่อมีการก่อสร้างทางรถไฟที่ลาปาง ใน พ.ศ. ๒๔๕๘ และแล้วเสร็จ ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ ส่วนในเชียงใหม่และลาพูนทางรถไฟก็แล้วเสร็จ ใน พ.ศ. ๒๔๖๔ นอกจากนั้น ใน พ.ศ. ๒๕๑๓ ก็มีการให้บริการ เดินรถปรบั อากาศ เมอื่ การเดนิ ทางสะดวกสบายขนึ้ ทา ใหเ้ กดิ การทอ่ งเทยี่ ว สง่ ผลใหเ้ ครอื่ งเงนิ ผา้ ไหม ผา้ ทอ และงานไม้แกะสลัก ของเมืองเหนือเป็นที่รู้จักของจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ใน พ.ศ. ๒๕๑๔ มีการส่งเสริมการลงทุนด้านศิลปหัตถกรรม ที่ อาเภอสันกาแพง ทาให้มีโรงงานแกะสลักไม้ ทาร่ม ทอผ้า และทาของที่ระลึกเกิดขึ้นมากมาย นอกจากนี้นอกเมืองเชียงใหม่ ที่ บ้านถวาย ตาบลขุนคง อาเภอหางดง ก็กลายเป็นแหล่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลัก โดยเฉพาะในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๕ เปน็ ปที กี่ ารทา ไมแ้ กะสลกั พฒั นาและขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ กลายเป็นรายได้สาคัญของจังหวัดเชียงใหม่ที่ไม่ใช่เพียงขายในประเทศ แตย่ งั สง่ ออกนอกประเทศอกี ดว้ ย ชนิ้ งานทสี่ รา้ งกม็ ที งั้ แบบดงั้ เดมิ ทเี่ ปน็ ลายนนู ตา่ และนนู สงู ลายพรรณพฤกษา ลายแกะไมภ้ าพชา้ ง และป่าไม้ หรือลายที่เล่าเรื่องในวรรณคดี จากนั้นก็มีการทาตามความต้องการของลูกค้าที่นาแบบมาให้แกะ ชิ้นงานจึงมี ความหลากหลายมากขึ้น มีการแกะสลักแบบลอยตัวมากขึ้น เมื่อความต้องการสินค้าไม้แกะสลักเพิ่มขึ้น จึงเกิดการจ้างงาน สล่าแกะไม้ที่มีฝีมือที่อื่นๆ ทาให้สถานะภาพของบ้านถวายเปลี่ยนจากแหล่งผลิต ๑๐๐% กลายเป็นสร้างงานบางส่วน แล้วปรับ จากสถานที่ผลติ อยา่ งเดยี วเปน็ หนา้ รา้ นสา หรบั ขาย เป็นจุดเก็บงาน และทา สขี นั้ ตอนสดุ ทา้ ยมากกวา่ สว่ นการขนึ้ งานและการซอื้ ชนิ้ งานดบิ นนั้ ก็รับซื้อจากหมู่บ้านที่รับงาน นั่นก็คือ บ้านหลุก ตาบลนาครัว อาเภอแม่ทะ จังหวัดลาปาง บ้านกิ่วแลน้อย ตาบล บ้านแม อาเภอสันป่าตอง บ้านหนองยางฟ้า ตาบลทาทุ่งหลวง อาเภอแม่ทา จังหวัดลาพูน และ อาเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นั่นเอง
สํานักงํานวฒันธรรมจงัหวดัลําปําง