Page 15 - ไม้แกะสลักล้านนา ปูมผญาสล่าเมือง
P. 15

  ยุคภํายใต้อํานําจของพม่ํา
ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๒ และเรื่อยมาจนถึง พุทธศตวรรษท่ี ๒๔ เชียงใหม่ตกอยู่ในอานาจปกครองของพม่า ศิลปกรรมเปล่ียนจากการสร้างงานให้กษัตริย์หรือราชสานัก มาเป็นการทางานให้กับเจ้านายผู้ปกครองและพ่อค้าไม้ผู้มั่งคั่ง คาว่า “สล่า” ที่หมายถึง ช่าง ผู้ชานาญ จึงเริ่มใช้ในยุคนี้ การทานุบารุงศาสนาดูแลวัดส่วนใหญ่ชาวพม่าจะเป็นผู้ บรู ณะปฏสิ งั ขรณ์ ในสว่ นของงานแกะสลกั ไม้ กม็ งี านเชงิ สญั ญะ ที่น่าสนใจข้ึนมาสองอย่าง น่ันคือ กาแลและหายนต์ ซึ่งท้ังสอง อย่างมีที่มาดังนี้
กําแล คือไม้ป้านลมที่ยาวยืนขึ้นไปไขว้กันเหนือ หลงั คาบา้ น บางบา้ นกจ็ ะใชเ้ ขาโคกระบอื อนั ทจี่ รงิ แลว้ หลกั การ เอาไม้หรือเขาสตั วไ์ ปไขวก้ นั ไวบ้ นหลงั คานนั้ ไมไ่ ดม้ แี ตท่ ลี่ า้ นนา เพียงที่เดียว เผ่าอื่นๆ ในประเทศอินเดีย ในรัฐอัสสัม ในพม่า ไทใหญ่ และคะฉิ่นในลาวก็พบว่ามีอยู่บ้าง จากบทความของ ไกรศรี นิมมานเหมินท์ กล่าวถึงการนาเขาสัตว์ไปประดับที่ หลังคาว่า “สืบเนื่องมาจากประเพณีฆ่ากระบือเพื่อบวงสรวงผี และบรรพบรุ ษุ นเ่ี อง จงึ ไดม้ กี ารนา เอาเขากระบอื ขนึ้ ไปประดบั ไว้ บนยอดหลังคา เป็นการโฆษณาความร่ารวยของเจ้าของเรือน นั้นด้วย ในท่ีสุดจึงได้กลายเป็นประเพณี มีการใช้ไม้แกะสลัก แทนเขากระบือ” แต่อีกส่วนหนึ่งก็สันนิษฐานว่า กาแลคือ เครื่องหมายของการกดข่ีของพม่า เพื่อแยกบ้านของคนพม่า ออกจากบ้านคนเมืองน่ันเอง
ภาพ หายนต์ จากเว็บไซต์ www.phralanna.com
หํายนต์ เป็นไม้แกะสลักท่ีมีลวดลายต่างๆ สวยงาม ตดิ ไวห้ นา้ หอ้ งนอนใหญข่ องบา้ น คา วา่ หา เปน็ ภาษาลา้ นนาไทย แปลวา่ อณั ฑะ ซงึ่ ถอื วา่ เปน็ สงิ่ รวมแหง่ พลงั ของบรรพบรุ ษุ ชน ส่วนคาว่า ยนต์ หรือ ยนตร์ มาจากรากศัพท์สันสกฤต ซึ่งใน ภาษาล้านนาไทยหมายความถึงส่ิงท่ีป้องกันรักษาท่ีศักดิ์สิทธ์ิ อาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ กล่าวถึงเรื่องหายนต์ว่า “ได้มี การพูดกันว่า หายนต์นี้เป็นอัณฑะของคนพม่านั่นเอง ซ่ึงติดไว้ บนเหนือประตู เมื่อเจ้าบ้านชาวล้านนาไทยเดินเข้าออกห้อง และรอบๆ อณั ฑะนนั้ กจ็ ะถกู ขม่ และถกู ทา ลายจติ ใจของคนผนู้ นั้ ไม่ให้คิดกระด้างกระเด่ือง กระเสือกกระสนมาลุกข้ึนต่อสู้ และขับไล่พม่าผู้เป็นเจ้านายเหนือหัวให้ออกไปให้พ้นจาก ลา้ นนาไทย กลา่ วกนั วา่ ทใี่ ดทม่ี กี ารขม่ ทน่ี นั่ ยอ่ มเกดิ ความเสอื่ มขน้ึ ”
ยุคฟ้ืนม่ําน
เมอื่ พระเจา้ กาวลิ ะไดท้ า การขบั ไลพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๗ ได้สาเร็จ ก็เข้าสู่การฟื้นฟูเมือง โดยเร่ิมจากการกวาดต้อน แรงงานจากเมืองต่างๆ จากหลายท่ี เป็นนโยบายที่เรียกว่า เกบ็ ผกั ใสซ่ า้ เกบ็ ขา้ ใสเ่ มอื ง โดยเฉพาะบรเิ วณรมิ สองฝง่ั แมน่ า้ คง หรือแม่น้าสาละวิน ใน พ.ศ. ๒๓๔๒ พระเจ้ากาวิละได้ส่งทัพ ไปยังเมืองปุ ลุ่มน้าคง และกวาดต้อนคนมาจากบ้านสะต๋อย บ้านวัวลาย บ้านส้อยไร ท่าช้าง บ้านนา ทุ่งอ้อ คร้ังน้ีทาให้ได้ ช่างมากมายมาอยู่ที่บ้านวัวลาย ช่างเงินให้อยู่ที่วัดศรีสุพรรณ และวดั หมนื่ สาร ใน พ.ศ. ๒๓๔๕ กไ็ ดก้ วาดตอ้ นชาวไทขนึ หรือ ไทยเขิน ได้ช่างจานวนมาก และให้อยู่ที่วัดศรีสุพรรณและ วัดนันทาราม คนยองบางส่วนก็ถูกกวาดต้อนไปยังลาพูน ส่วน ชมุ ชนชา่ งแกะสลกั ไมน้ นั้ อยทู่ วี่ ดั พวกแตม้ ทน่ี อกจากทา ฮปู แตม้ หรืองานจิตรกรรมแล้วยังทาเครื่องสูงให้กับพุทธศาสนา
15
สล่าแป๋งต้องควักไม้ล้านนา
   ภาพกาแล จากเว็บไซต์ : Pixabay.com
   สํานักงํานวฒันธรรมจงัหวดัลําปําง
ไม้แกะสลักล้านนา ปูมผญาสล่าเมือง























































































   13   14   15   16   17