Page 10 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 10
2
การวิจัยทางศิลปะ บทที่ 1
ความรู้เบื้องต้นการวิจัยทางศิลปะ
1.1 ความสาคัญของการวิจัยทางศิลปะ เมื่อพิจารณาถึงความเจริญก้าวหน้าของประเทศในกลุ่มที่ได้ช่ือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
จะพบจุดร่วมที่สาคัญประการหนึ่ง คือ ความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัว โดยแต่ละประเทศจะมี จดุ เดน่ ของตนเอง เชน่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ าโดดเดน่ ดา้ นการบกุ เบกิ สา รวจสงิ่ ใหม่ๆประเทศในกลมุ่ ยโุ รป จะโดดเด่นเรื่องระบบการสั่งสมประสบการณ์ และสร้างองค์ความรู้เชิงประจักษ์โดยอาศัยหลักเหตุผล จากปรัชญา กรีก รัสเซียโดดเด่นด้านทฤษฎี เยอรมันโดดเด่นด้านการบูรณาการทฤษฎี และการปฏิบัติ (Integrated) เนอื่ งจากมพี นื้ ฐานความคดิ บนปรชั ญาของคานท์ (Immanuel Kant) ซงึ่ รวมเอาหลกั การ เชิงประจักษ์ (Empirical) และหลักเหตุผล (Rational) มาใช้ร่วมกัน ฝรั่งเศสโดดเด่นด้านการวิเคราะห์ อังกฤษโดดเด่นด้านการประยุกต์ใช้งานทฤษฎี สเปนโดดเด่นด้านการคิดนอกกรอบ (Avant-garde) อิตาลีโดดเด่นในการใช้อัชฌัตติกญาณ (Intuition) หรือการหยั่งรู้ที่ไม่อาจอธิบายได้ โดยมีนักคิด ที่สาคัญคือเบเนเด็ตโต โครเช่ (Benedetto Croce) เจ้าของแนวคิดศิลปะในฐานะการแสดงออก (Art as an Expression) ประเทศทางตะวันออกโดดเด่นด้านการสืบทอดกรอบความรู้เดิม เช่น ญี่ปุ่น สามารถนา เทคโนโลยขี องตะวนั ตกมาปรบั ปรงุ เพอื่ ใหผ้ ลติ ไดด้ ว้ ยตน้ ทนุ ตา่ ลง และประเทศไทยแนวคดิ ด้านจินตนาการรูปทรงในการสร้างงานจากแนวคิดอุดมคติ เป็นต้น
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า การวิจัยมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาประเทศ เนื่องจากการวิจัยนี้ คือการสร้างองค์ความรู้ที่ผ่านระบบการอธิบายกระบวนการได้อย่างมีเหตุผล โดยแสดงถึงที่มา กระบวนการ ผลการวิจัย แสดงความชัดเจนและมีความน่าเชื่อถือ สามารถนาไปพัฒนาปรับปรุง แก้ไข คน้ ควา้ พฒั นาตอ่ ยอดไดต้ ามความเหมาะสม โดยเฉพาะการวจิ ยั ทางศลิ ปะ เปน็ การศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี วธิ คี ดิ วธิ ที า ทปี่ รากฏในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ นา มาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ สรปุ ความรู้ และการวจิ ยั สร้างสรรค์ศิลปะ เป็นการแสดงกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานที่มีการเชื่อมโยงของแนวคิด ความงาม ความหมายเชิงวิชาการ ซึ่งเปรียบงานวิจัยทางศิลปะได้กับลาต้นของต้นไม้ที่จะเอื้ออานวยให้เกิดการ เจรญิ เตบิ โต แตกกงิ่ กา้ นสาขา และนา ไปสกู่ ารบกุ เบกิ ชายแดนใหมข่ องความรู้ เพอื่ การพฒั นาในการนา ชุดความรู้และองค์ความรู้มาใช้กับสังคม ประเทศ ให้เหมาะสมต่อไป ดังนั้น การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ก็คล้ายกับการสร้างอาวุธขึ้นเองของผู้สร้างสรรค์ศิลปะ เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ พร้อมกับการอธิบาย กระบวนการวิจัย สร้างสรรค์ที่มีความงาม (สุนทรียศาสตร์) การพัฒนาด้วยตนเอง และเป็นประโยชน์ ต่อวงการวิชาการทางด้านศิลปกรรมต่อไป

