Page 11 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 11
ความรู้เบื้องต้นการวิจัยทางศิลปะ 3
ศลิ ปกรรมตามความหมายของพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถงึ สงิ่ ที่ เปน็ ศลิ ปะ สงิ่ ทผี่ ลติ สรา้ งขนึ้ เปน็ ศลิ ปะ จากความหมายดงั กลา่ วจงึ เหน็ ไดว้ า่ ศลิ ปกรรมจะมคี วามหมาย ทคี่ รอบคลมุ งานหลากหลายประเภททงั้ ผลงานทที่ า ขนึ้ เพอื่ ประเทอื งปญั ญาอารมณค์ วามรสู้ กึ งานทผี่ ลติ สรา้ งสรรคข์ นึ้ เพอื่ ประโยชนใ์ ชส้ อยเชงิ ธรุ กจิ การคา้ อตุ สาหกรรม หรอื งานทผี่ ลติ ขนึ้ โดยการสรา้ งสรรค์ จากภมู ปิ ญั ญา ทกั ษะฝมี อื ทสี่ บื ทอดมาจากคนในทอ้ งถนิ่ ซงึ่ ผลงานทงั้ หมดนจี้ ะเปน็ ผลงานทสี่ รา้ งสรรคข์ นึ้ โดยฝีมือ ความคิด จินตนาการของมนุษย์ และมีคุณค่าในเชิงศิลปะร่วมอยู่ด้วย
ศลิ ปะคอื ผลแหง่ พลงั ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ยท์ แี่ สดงออกในรปู ลกั ษณต์ า่ งๆใหป้ รากฏ ซงึ่สนุทรียภาพความประทับใจหรอืความสะเทอืนอารมณ์ตามอจัฉรยิภาพพทุธปิัญญาประสบการณ์ รสนยิ มและทกั ษะของแตล่ ะคนเพอื่ ความพอใจความรนื่ รมย์ ขนบธรรมเนยี มจารตี ประเพณหี รอื ความเชอื่ ในลัทธิศาสนา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจในการจินตนาการสร้างรูปทรงให้เกิดเป็นผลงานศิลปะ ซึ่งศิลปะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ วิจิตรศิลป์และศิลปะประยุกต์ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2541, น.26) นักปราชญ์ในสมัยโบราณได้ให้ความหมายของศิลปะ (Art) ไว้ว่า ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษย์ สร้างขึ้น (Artifact) เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ศิลปะมีความหมายกว้างมาก ครอบคลุมตั้งแต่ จิตรกรรม ประติมากรรม เครื่องเรือน เครื่องจักรกล บ้านเรือน ไปจนถึงอาวุธที่ใช้ประหัตประหารกัน มนษุ ยท์ า อะไรขนึ้ มากเ็ ปน็ ศลิ ปะทงั้ สนิ้ ไมว่ า่ จะดหี รอื ชวั่ สวยงาม หรอื นา่ เกลยี ด สรา้ งสรรคห์ รอื ทา ลาย (ชลูด นิ่มเสมอ, 2534, น.1) ศิลปะจึงหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น ประเภทของศิลปะ แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1) วิจิตรศิลป์ (Fine Arts) คือ ผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นถึงขั้นความงามบริสุทธิ์ มีการแสดงออกถึงอารมณ์สะเทือนใจที่ผู้ชมรับรู้ได้ เป็นผลงานสร้างสรรค์ที่มีความคิดริเริ่มและแสดง เอกลกั ษณห์ รอื มลี กั ษณะตน้ แบบ ปรากฏจดุ มงุ่ หมายในดา้ นความรสู้ กึ และจนิ ตนาการทางจติ ใจมากกวา่ ผลประโยชน์ทางกาย หรือมุ่งแสดงถึงพุทธิปัญญา มากกว่าทักษะฝีมือแรงงาน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2541, น.112) ถือว่าเป็นผลงานศิลปะที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นจากมนุษย์เพื่อให้เกิดความงาม ซึ่งเป็นคุณค่า ทสี่ า คญั กลา่ วคอื ผลงานศลิ ปะเปน็ สงิ่ ทใ่ี หค้ วามรสู้ กึ ทางสนุ ทรยี ภาพ ใหอ้ ารมณส์ ะเทอื นใจ ปลกุ ความ เห็นแจ้ง ให้ประสบการณ์และพุทธปัญญาแก่ผู้ดูผลงานศิลปะ
2) ประยกุ ตศ์ ลิ ป์(AppliedArts)เปน็ ศลิ ปะทสี่ รา้ งขนึ้ เพอื่ ประโยชนอ์ ยา่ งอนื่ นอกเหนอื จาก ความชื่นชมในคุณค่าของศิลปะโดยตรง เช่น ภาพหรือลวดลายที่ใช้ตกแต่งอาคาร หรือเครื่องเรือน รูปทรง สีสัน ของผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่ออกแบบให้เป็นที่พอใจของผู้บริโภคหรือเครื่องใช้ไม้สอย ทที่ า ขนึ้ ดว้ ยฝมี อื ประณตี ศลิ ปะทปี่ ระยกุ ตเ์ ขา้ ไปในสงิ่ ทใี่ ชป้ ระโยชนเ์ หลา่ นี้ จะใหค้ วามพอใจอนั เกดิ จาก ความประณีตสวยงาม ความกลมกลืนแก่ประสาทสัมผัสควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอย (ชลูด นิ่มเสมอ,

