Page 193 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 193
บทสรุป กระบวนการวิจัยสร้างสรรค์สู่สังเคราะห์นวัตกรรมศิลป์ 185
4) ตกผลึกความคิดสรุปข้อมูลโดยใช้กาลังสมาธิหรืออานาจจิตในระดับสูงสุดจะต้อง คิดให้กว้าง (Well-Rounded) คิดให้ลึกซึ้ง (Deep) เปรียบเหมือนการตรวจสอบภูมิประเทศจะต้อง ใช้ทั้งเรดาร์เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดและประเด็นสาคัญ จากนั้นจึงใช้กล้องส่องทางไกลตรวจสอบ ความละเอียด และจากนั้นจะต้องคิดไตร่ตรอง (Critical) วิเคราะห์กรองดูเสมอว่าคาตอบหรือข้อมูลที่ ได้มานั้นถูกต้องและตรงกับเป้าหมายตามความต้องการที่แท้จริงแล้วหรือไม่
5) ฝึกเขียนทันทีและพัฒนาบ่อยครั้งเมื่อได้คาถามที่สาคัญ(ProblemStatement) หรือข้อสรุปแล้วจะต้องรีบลงมือเขียนโดยไม่ลังเล เขียนเสร็จแล้วจะต้องตรวจสอบ ปรับปรุง และแก้ไข หรือเขียนใหม่โดยระลึกไว้ว่า ความผิดพลาดนั้นเป็นครูที่ดีในการฝึกเขียน และการฝึกให้มาก จะทาให้ เกิดความม่ันใจ นาไปสู่จิตใจที่สงบเกิดปัญหาตามความเข้าใจและสามารถมองเห็นปัญหาได้รอบด้าน (แนวคิดเดียวกันสามารถนาไปใช้เพื่อฝึกตอบคาถามได้หลากหลายมากขึ้นด้วย)
6) สร้างวินัยในการทางาน จะต้องใช้ทักษะ ความรู้ ความถนัดในส่วนดีทั้งหมด ในตนเองใหม้ ากทสี่ ดุ และพยายามขดั เกลาคน้ ควา้ เรยี นรู้อา่ นคดิ ทา เขยี นปรบั ปรงุ ลดขอ้ จา กดั ทา ลายนสิ ยั ส่วนที่ไม่ดีอยู่เสมอ อาจสร้างตารางในการทางาน โดยใช้ช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจปลอดโปร่ง แจม่ ใส (เชน่ เวลาหลงั จากออกกา ลงั กาย อาบนา้ สวดมนตห์ รอื อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ) เพอื่ ขบคดิ วเิ คราะห์ ตีความข้อมูลที่ยากคิดไม่ออก คิดไม่ได้ ก็จะช่วยให้มองเห็นหรือเข้าใจได้ง่ายขึ้น
7) มีที่ปรึกษาเรื่องหลักคิดและวิธีการ ที่ปรึกษานั้นมีผลต่อความสาเร็จในการวิจัย ทางศิลปะถึงประมาณ 1 ใน 3 ส่วน (ส่วนที่เหลือเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้วิจัย) ที่ปรึกษาที่ดี จะไม่ครอบงาผู้วิจัย แต่จะชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็ง และแนวทางแก้ไขปัญหาซึ่งผู้วิจัยอาจจะยัง มองไม่เห็นในกระบวนการวิจัยโดยภาพรวมและในแต่ละขั้นตอนของการวิจัย การมีที่ปรึกษายังช่วย เร่งให้เกิดความก้าวหน้าในการดาเนินงานอย่างต่อเนื่องมั่นคง และเหมาะสมอีกด้วย
3. ข้อควรระวังในการทาวิจัยและแนวทางแก้ไขปัญหา ข้อควรระวังในการทาวิจัยทางศิลปะ
วิธีวิทยาการวิจัยในปัจจุบัน มีการยอมรับการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ร่วมกับเหตุผล
เชิงทฤษฎี เพื่อนามาเป็นแนวทางในการวิจัยของศาสตร์สาขาต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ ทั้ง วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ มีการพัฒนาวิธีการแสวงหาความคิดและการวิเคราะห์ ข้อมูลที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะผลงานวิจัยในรูปแบบบทความตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ซึ่งต่างให้ ความสาคัญในการนาวิธีการวิจัยมาประสานให้มีความสอดคล้อง ทั้งวิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและ เชิงคุณภาพมาเป็นแนวทางในการศึกษาร่วมกัน ทั้งในรูปแบบวิธีวิทยาผสม (Mixed methodology) เพื่อทาให้งานวิจัยมีความเหมาะสมและการค้นหาคาตอบได้ตามที่ผู้วิจัยต้องการของวัตถุประสงค์

