Page 210 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 210
202
การวิจัยทางศิลปะ ภาคผนวก
รปู ธรรม (Realistic) หมํายถงึ สว่ นทเี่ ปน็ รปู เปน็ วตั ถเุ ปน็ กํายทสี่ ํามํารถรบั รไู้ ดด้ ว้ ยอนิ ทรยี ส์ มั ผสั บํางแหง่ หมํายถงึ ประเภท ของงํานศิลปะที่แสดงรูปทรงของสิ่งที่มีอยู่จริงในธรรมชําติ (Realistic art) ซึ่งตรงข้ํามกับศิลปะแบบนํามธรรม (Abstract art)
รูปแบบ (Form) หมํายถึง ส่วนที่เป็นรูปธรรมในงํานศิลปะ ซึ่งใช้เป็นสื่อแสดงเนื้อหําหรือส่วนที่เป็นนํามธรรมของงําน เช่น รูปแบบของงํานจิตรกรรม จะหมํายถึงภําพทั้งภําพที่ปรํากฏแก่สํายตํา ซึ่งประกอบด้วยรูปทรงต่ํางๆ น้ําหนัก สีที่ว่ําง ฯลฯ
ว ธิ กี า ร ท า ง ศ ลิ ป ะ ( A r t i s t i c m e t h o d ) ห ม ํา ย ถ งึ ค ว ํา ม ร ้ ู ท ฤ ษ ฎ เี ช งิ ป ร มิ ํา ณ แ ล ะ เ ช งิ ค ณุ ค ํา่ แ ล ะ ร ะ เ บ ยี บ ว ธิ กี ํา ร ป ฏ บิ ตั สิ ร ํา้ ง ส ร ร ค ์ เชิงทดลองทํางศิลปะ อันเป็นหลักกํารแนวทํางวิธีกํารเฉพําะด้ํานสํามํารถนํามําใช้สร้ํางควํามรู้ทํางศิลปะได้ เช่นเดียวกับเชิงวิทยําศําสตร์
วธิ วี ทิ ยา (Conceptualization) หมํายถงึ กํารจดั ระบบจดั ควํามเชอื่ มโยงทํางควํามคดิ ทฤษฎแี ละควํามเขํา้ ใจทสี่ อดประสําน ไปกับสถํานกํารณ์ ปรํากฏกํารณ์ ปฏิกิริยําหรือบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้โดยให้ควํามสําคัญกับวิธีคิดและ วิธีคิดเชิงวิพํากษ์มํากกว่ําด้ํานเทคนิควิธีเพื่อค้นหําควํามเกี่ยวโยงระหว่ํางควํามคิดต่ํางๆ ในกํารสร้ํางควํามรู้
สมมตุ ฐิ าน(Hypothesis)หมํายถงึ ขอ้ ควํามทเี่ปน็ หลกั กํารขอ้ ควํามเฉพําะขอ้ ควํามทซี่ บั ซอ้ นหรอื ขอ้ ควํามทเี่ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ เป็นทฤษฎีก็ได้ที่เดําขึ้นอย่ํางมีเหตุมีผล เป็นกํารเดําหรือสรุปไว้เป็นกํารชั่วครําว เพื่อหําหลักฐํานข้อเท็จจริงมํา ทดสอบว่ําถูกหรือเชื่อถือได้หรือไม่
องคค์ วามรู้ (Knowledge) หมํายถงึ ผลสรปุ จํากกระบวนกํารวจิ ยั ทจี่ ะตอ้ งอธบิ ํายถงึ ทมี่ ํา ทมี่ ําจํากผลสรปุ กํารวเิ ครําะหข์ อ้ มลู นํามําสร้ํางสรรค์ตํามกระบวนกํารวิจัยสร้ํางสรรค์ผสมผสํานเทคโนโลยี วิทยําศําสตร์ โดยบูรณํากํารจํากฐําน ทํางศิลปกรรม ผลลัพธ์จํากกระบวนกํารได้ผลงํานต้นแบบชุดควํามรู้ใหม่ โดยมีผลกระทบต่อสังคม ชุมชน หรือ เศรษฐกิจสร้ํางสรรค์ คุณภําพชีวิต ที่มีคุณค่ํา และมูลค่ําเชิงสร้ํางสรรค์
องคค์ วามรเู้ชงิ คณุ คา่ (QualitativeFormofKnowledge)หมํายถงึ ควํามรทู้ เี่กดิ ขนึ้ จํากกํารใชก้ ํารเลอื กและกํารควบคมุ คณุ คํา่ จนสํามํารถอํา่ นคณุ คํา่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในทกุ ขณะไดอ้ ยํา่ งเหมําะสม จวบจนสนิ้ สดุ กระบวนกํารสรํา้ งสรรค์ และเปน็ ทศิ ทําง ที่ผู้วิจัยรู้ว่ําต้องกํารให้ได้อะไรในกระบวนกํารที่กล่ําวนี้
องคค์ วามรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิ (practical form of knowledge) หมํายถงึ ควํามรทู้ ไี่ ดจ้ ํากกํารปฏบิ ตั แิ ละกํารสรํา้ งสรรค์ เรมิ่ ตน้ จําก คํา ถํามวํา่ สรํา้ งสรรคอ์ ะไร เกยี่ วกบั วธิ คี ดิ วธิ ที ํา ในโครงเรอื่ งกํารจดั องคป์ ระกอบของเนอื้ หําสําระระหวํา่ งประกอบ ซ้อน ผสม เพื่อให้ได้ควํามหมําย สุนทรียะนั้นด้วยวิธีกํารใด และถํามต่อมําว่ํา สร้ํางสรรค์อะไร โดยนําสําระจําก คํา ถํามแรก แตล่ งลกึ เพอื่ ทํา ควํามเขํา้ ใจกระบวนกํารของทกั ษะในกํารปฏบิ ตั แิ ละกํารสรํา้ งสรรคด์ ว้ ยวตั ถเุ ครอื่ งมอื และเทคนิคให้ก่อรูปเป็นผลงําน
องค์ประกอบศิลป์ (Composition of art) หมํายถึง ศิลปะที่มนุษย์สร้ํางขึ้นเพื่อแสดงออกทํางอํารมณ์ ควํามรู้สึก ควํามคิด หรือควํามงําม ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่มนุษย์สร้ํางขึ้นเรียกว่ํา รูปทรง และส่วนที่เป็นกํารแสดงออก อันเป็นผล ที่เกิดจํากโครงสร้ํางทํางวัตถุ เรียกว่ําเนื้อหําหรือองค์ประกอบทํางนํามธรรม
องค์รวม (Totalization) หมํายถึง กํารมองควํามรู้ ควํามจริงว่ําเป็นองค์รวมหรือแบบเบ็ดเสร็จรวบยอดเป็นส่วนหนึ่งใน กระบวนกํารสหวิทยํากํารมองเห็นว่ําวิธีกํารมองกํารศึกษําข้ํางต้น จะช่วยแก้ปัญหําสังคมและโลกปัจจุบันที่มี ควํามสับสนและสลับซับซ้อนมําก กํารใช้ศําสตร์ใดศําสตร์หนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหําอําจจะไม่สํามํารถตอบโจทย์ แบบมีควํามสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอยู่หลํายศําสตร์ได้

