Page 209 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 209

                อธิบายศัพท์ 201
 ไตรลกั ษณ์ (The Three Characteristics) หมํายถงึ ลกั ษณะ 3 อํากํารทเี่ ปน็ เครอื่ งกํา หนดหมําย 3 อยํา่ ง อนั ใหร้ ถู้ งึ ควํามจรงิ ของสภําวธรรมทั้งหลํายที่เป็นอย่ํางนั้นตํามธรรมดําของมัน คือ ควํามเป็นของไม่เที่ยง ควํามเป็นทุกข์ ควํามเป็น ของไม่ใช่ตน ลักษณะทั้ง 3 เหล่ํานี้มีแก่ธรรมที่เป็นสังขตะ คือ สังขํารทั้งปวงเป็นสํามัญเสมอกัน
ทัศนธาตุ (Visual elements) หมํายถึง สิ่งที่เป็นปัจจัยของกํารเห็น ได้แก่ เส้น น้ําหนัก ที่ว่ําง รูปทรง สีและ ลักษณะผิว ทัศนศิลปิน (Visual Artist) หมํายถึง ศิลปินที่สร้ํางสรรค์ผลงํานทัศนศิลป์หรือศิลปะที่มองเห็นได้ประกอบด้วย จิตรกรรม ประติมํากรรม ภําพพิมพ์สื่อผสม ภูมิศิลป์ เป็นต้น
ทัศนียวิทยา (Perspective) หมํายถึง วิชําหรือศิลปะที่ว่ําด้วยกํารเขียนภําพบนพื้นระนําบ (2 มิติ) ให้ดูเป็น ภําพสํามมิติ ดงั ทเี่ หน็ จํากสงิ่ ทปี่ รํากฏจรงิ ตํามธรรมชําตลิ กั ษณะทปี่ รํากฏตํามธรรมชําตทิ วี่ ตั ถเุ มอื่ อยไู่ กลจะดเู ลก็ พรํา่ มวั หรอื เลอื นรํางแต่ จะดใู หญ่ และคมชดั เมอื่ อยู่ ใกลภ้ ําพบนพนื้ ระนําบทแี่ สดงใหป้ รํากฏถงึ ควํามใกลไ้ กลของวสั ดสุ งิ่ ของ หรือทิวทัศน์บนภําพนั้นโดยใช้หลักวิชําทัศนมิติ
เทคนคิ เชงิ ชา่ ง (Artist Technique) หมํายถงึ กํารวนิ จิ ฉยั ดํา้ นควํามงํามตํามหลกั สนุ ทรยี ศําสตรแ์ ละเชงิ ชํา่ ง แมย้ งั มปี ญั หํา ในกํารนํามําใช้ในกํารกําหนดอํายุแต่ก็มีประโยชน์ในทํางอื่น เป็นต้นว่ําช่วยกําหนดคุณค่ําช่วยอธิบํายกรรมวิธี ทํางงํานชํา่ งทสี่ ง่ ผลตอ่ งํานศลิ ปกรรม หรอื อําจชว่ ยวนิ จิ ฉยั ไดว้ ํา่ ชํา่ งทสี่ รํา้ งงํานศลิ ปกรรมมคี วํามชํา นําญมํากนอ้ ย เพียงใด (รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, 2551,น. 53)
นามธรรม (Abstract) หมํายถึง ถอยห่ํางจํากควํามจริง ควํามคิดที่แยกจํากควํามจริง ทํางวัตถุสิ่งที่ตรงข้ํามกับ รูปธรรม เนอื้ หา (Content) หมํายถงึ ควํามหมํายของงํานศลิ ปะทแี่ สดงออกผํา่ นรปู ทรงทํางศลิ ปะ เนอื้ หําของงํานศลิ ปะ แบบรปู ธรรม เกิดจํากกํารประสํานกันอย่ํางมีเอกภําพของเรื่องแนวเรื่องและรูปทรง เนื้อหําของงํานแบบนํามธรรม เกิดจําก
กํารประสํานกันอย่ํางมีเอกภําพของรูปทรง
แนวคิดเชิงทฤษฎี (Theoretical Concept) หมํายถึง แนวคิดที่มีควํามเกี่ยวเนื่องกับควํามสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมดกับ
ปรํากฏกํารณท์ ศี่ กึ ษํา วเิ ครําะห์ เพอื่ นํา มําใชใ้ นกํารกํา หนดกรอบแนวคดิ เชงิ ทฤษฎจี ะทํา ใหผ้ วู้ จิ ยั สํามํารถวเิ ครําะห์
ควํามสัมพันธ์ของตัวแปรได้อย่ํางมีประสิทธิภําพมํากยิ่งขึ้น
แนวเรื่อง (Theme) เรื่องที่ใช้เป็นแนวทํางในกํารทํางํานศิลปะ เช่น เรื่องเกี่ยวกับสังคม (Social theme) เรื่องเกี่ยวกับ
ศําสนํา (Religious theme) ฯลฯ
ปรศิ นาธรรม (Dharma Mystical) จติ รกรรมฝําผนงั ทแี่ สดงภําพใหข้ บคดิ ถงึ ควํามหมํายของภําพ ซงึ่ มกั จะปรํากฏเนอื้ หําสําระ
ในธรรมะของพระพุทธเจ้ํา ที่มีข้ออุปมําอุปไมย ภําพปริศนําธรรมมักจะมีรูปแบบกํารเขียนรูปสืบทอดต่อกันมํา
จึงสํามํารถทําให้แน่ชัดว่ําภําพนี้คือธรรมข้อใด
มโนทศั น์ (Concept) หมํายถงึ ศลิ ปะทเี่ นน้ แนวควํามคดิ รวมยอดของศลิ ปนิ ผสู้ รํา้ งสรรคท์ มี่ ตี อ่ สภําวกํารณ์ ของสงั คม วถิ ชี วี ติ
สิ่งแวดล้อมทั้งในด้ํานวัฒนธรรม และวัตถุธรรม เป็นศิลปะในกลุ่มท่ีเน้นกํารสื่อควํามหมํายทํางด้ําน ควํามคิด ประสบกํารณ์ กํารตีควํามหมํายตํามทัศนวิสัยทัศนะของศิลปินในโลกยุคโลกไร้พรมแดน สํามํารถใช้สื่อ (เทคนิค วิธีกํารที่หลํากหลําย) และสํามํารถแสดงออกในสภําวะสิ่งแวดล้อมได้แตกต่ํางกันตํามเจตนําแนวคิดของศิลปิน
รปู ทรง(Form)สว่ นทเี่ปน็ รปู ธรรมในงํานศลิ ปะซงึ่ ตรงขํา้ มกบั เนอื้ หําซงึ่ เปน็ นํามธรรมโดยเฉพําะในงํานทศั นศลิ ปส์ งิ่ ทตี่ รงขํา้ ม กับที่ว่ํางรูปทรง (Shape) ที่มีโครงสร้ําง มีควํามหมํายรูปทรงในหนังสือนี้มีควํามหมํายเช่นเดียวกับ รูปแบบ แต่บํางครั้งจะหมํายถึงรูปทรงย่อย ๆ แต่ละรูปที่รวมกันอยู่ในงําน

















































































   207   208   209   210   211