Page 61 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 61
ดังนั้น หากผู้ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย มีความรู้ในศาสตร์ด้านต่าง ๆ อย่างเชี่ยวชาญ ก็จะทาให้มี แงม่ มุ ตา่ ง ๆ ในการเขยี นและการดา เนนิ การงานวจิ ยั เปน็ ไปไดอ้ ยา่ งครบถว้ น ยกตวั อยา่ ง เชน่ การศกึ ษา เรอื่ งจติ รกรรมฝาผนงั อาจศกึ ษาในแงป่ รชั ญาแนวคดิ ในการสรา้ งผลงาน(เพอื่ เปน็ พทุ ธบชู าเพอื่ เผยแพร่ ศาสนา เพื่อบันทึกตัวตนศิลปิน) ร่วมกับการศึกษาในด้านสุนทรียศาสตร์ (กติกาความงามของผู้สร้าง เป็นอย่างไร) ศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์ศิลป์ (ศิลปินผู้สร้างงานเชื่อมโยงกับผู้สร้างงานเป็นใคร ผลงานสรา้ งขนึ้ เมอื่ ไร เทคโนโลยใี นยคุ สมยั ทสี่ รา้ งงานเปน็ อยา่ งไร บรบิ ททางภมู ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม มผี ลตอ่ การสรา้ งงานอยา่ งไร) การวเิ คราะหก์ ารจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ (ในการประกอบรปู ทรงกบั เนอื้ หา มีความเป็นเอกภาพอย่างไร) ศิลปะพื้นฐาน (ด้านเทคนิคการสร้างงานในแต่ละยุคสมัย) และท้ายที่สุด จึงศึกษาในเชิงศิลปวิจารณ์ (ประเมินว่าผลงานดังกล่าวมีคุณค่าและผ่านการตกผลึกทางความคิด โดยศิลปินผู้สร้างมาแล้วอย่างครบถ้วนหรือไม่ และผลงานจิตรกรรมดังกล่าวมีคุณค่าเชิงวิชาการ มากน้อยเพียงไร) โดยใช้กระบวนการจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นแกนในการค้นหาคาตอบ
ตัวอย่าง : ผลงานจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้รับอิทธิพลเทคนิควิธีการวาด ตามรปู แบบศลิ ปะตะวนั ตกและศลิ ปะไทยประเพณชี ว่ งรชั กาลที่3โดยขรวั อนิ โขง่ เปน็ ผวู้ าดดว้ ยแนวคดิ ในการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบอุดมคติ สู่รูปแบบเหมือนจริง เกิดคุณค่าความงามใหม่ และให้อิทธิพล รปู แบบเนอื้ หาและการแสดงออกของชา่ งเขยี นในการเขยี นภาพจติ รกรรมฝาผนงั ของภาพปรศิ นาธรรม ในช่วงรัชกาลที่ 4 และยุคต่อมา
ฐานความรู้เพื่อการวิจัยทางศิลปะ 53
ภาพที่ 3-2 จิตรกรรมฝาผนัง วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ศิลปะรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 4

