Page 86 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 86

                78
การวิจัยทางศิลปะ บทที่ 4
 แนวทางการวิจัยเชิงปรัชญา
จากการรวบรวมข้อมูลผลงานศิลปะที่มีแนวคิด หลักการ และมีวัตถุประสงค์ความเกี่ยวข้อง กบั มนษุ ย์ ความคดิ ในการแสดงออก ซงึ่ ไดศ้ กึ ษาและจดั หมวดหมขู่ องขอ้ มลู นา มาวเิ คราะหร์ ว่ มกบั ขอ้ มลู ทางเอกสารดา้ นความคดิ ทฤษฎแี ละนา ผลงานเหลา่ นนั้ มาวเิ คราะหท์ งั้ ดา้ นการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ ดา้ นขอ้ มลู ตาราง เปรียบเทียบ ประกอบการอธิบายของการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการตีความให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ เช่น ด้านแนวคิด คติความเชื่อ คุณค่าความงาม เทคนิค วิธีการ กระบวนการสร้างสรรค์ แรงบนั ดาลใจ วธิ คี ดิ เปน็ ตน้ วเิ คราะหร์ ว่ มกบั ทฤษฎคี วามรู้ ทฤษฎปี รชั ญาดา้ นศลิ ปะ เพอื่ สรปุ ผลตคี วาม วิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา ความจริงนาไปสู่แนวคิดใหม่ การตีความใหม่ และความหมายใหม่
แนวคิดการเลือกตัวอย่างและวิธีการเก็บข้อมูลของการวิจัยเชิงปรัชญา มี 2 ประเภท คือ
1.  การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือลัทธิธรรมชาตินิยม จะเป็นการใช้ภาษาสื่อสาร การตีความ การสังเคราะห์ความหมาย มีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ มีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงและขนาดเล็ก จะใช้การเก็บข้อมูลโดยการสังเกต การสัมภาษณ์ และศึกษาเอกสาร เลือกเคร่ืองมือให้เหมาะสมกับ วตั ถปุ ระสงค์ ทใี่ ชใ้ นการแสวงหาความรู้ โดยอาศยั การตคี วามจากผแู้ สวงหาความรู้ มกี ารใชถ้ อ้ ยคา ภาษา ที่ละเอียด กระจ่างชัดสมจริง เป็นองค์รวม การเลือกตัวอย่างไม่อิงกับทฤษฎีความน่าจะเป็นเสมอไป
ดังเช่น การเลือกกลุ่มตัวอย่างของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง ซึ่งจะต้องอธิบายองค์รวมของ ลวดลาย เทคนิค วิธีการ องค์ความรู้ ที่เกิดจากปัญหา การอยู่ร่วมกันของวิถีชีวิต คุณค่า คติความเชื่อ ภูมิปัญญา รวมเป็นองค์ประกอบในวิธีคิด วิธีทาที่จะสร้างศิลปวัฒนธรรมให้เกิดข้ึนกับชุมชน สังคม ทเี่ หมาะสมกบั ยุคสมยั สถานที่ บรบิ ทของสภาพแวดลอ้ มธรรมชาติ ซงึ่ ผวู้ จิ ยั จะตอ้ งอธบิ ายเชงิ คณุ ภาพ ประกอบผลงานศิลปะ
2.  การวิจัยเชิงปริมาณ หรือลัทธิปฏิฐานนิยม เป็นการหาเหตุผลของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยการนาเอาระบบการทางานทางคอมพิวเตอร์และสถิติวิเคราะห์เข้าช่วยในการวิจัย มีการ กาหนดโครงสร้างการวิจัยที่แน่นอนตามขั้นตอน จะมีการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่อิงอยู่กับทฤษฎี ความนา่ จะเปน็ จะใชแ้ บบทดสอบ หรอื แบบสอบถามเปน็ เครอื่ งมอื ทเี่ ปน็ มาตรฐานทผี่ แู้ สวงหาความรู้ สร้างความรู้ขึ้นเอง มีลักษณะข้อมูลเป็นตัวเลขกะทัดรัด มีความเป็นปรนัย และแยกเป็นส่วน ซึ่งจะ มีการทดสอบตามกฎต่าง ๆ ของทฤษฎี โดยใช้การทดสอบสมมุติฐานเป็นตัวกาหนด
ดงั เชน่  ผวู้ จิ ยั จะเลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งขนึ้ มาเพอื่ กา หนดกรณศี กึ ษาในผลงานโบราณวตั ถุ โดยใช้ การกาหนดแนวทางการเก็บรวบรวมข้อมูล ด้วยวิธีการ วิธีทา การเชื่อมโยง แบบมีหลักฐานประกอบ ตารางการเปรยี บเทยี บแยกสว่ น และนา ทฤษฎที เี่ หมาะสมมาทดสอบตคี วามจากผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพื่อการสรุปผล ในการเสนอความคิดใหม่ ความเห็นใหม่ การตีความใหม่ การประเมินคุณค่า รวมถึง


























































































   84   85   86   87   88