Page 164 - หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค.31001
P. 164

157


                   ผลลัพธทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทดลองสุม มี 4   แบบ คือ HH, HT, TH และ TT

                   นั่นคือผลลัพธของ เหตุการณที่จะออกหัวอยางนอย 1 ครั้ง มี 3 แบบ คือ HH, HT และ TH
                   4.  ความนาจะเปนของเหตุการณ

                             ความนาจะเปนของเหตุการณ คือ จํานวนที่แสดงใหทราบวาเหตุการณใดเหตุการณหนึ่งมีโอกาส

                   เกิดขึ้น มากหรือนอยเพียงใด

                             ความนาจะเปนของเหตุการณใด ๆ เทากับอัตราสวนของจํานวนเหตุการณที่เราสนใจ (จะใหเกิดขึ้น
                   หรือไมเกิดขึ้นก็ได) ตอจํานวนผลลัพธทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นได ซึ่งมีสูตรในการคิดคํานวณดังนี้

                          ความนาจะเปนของเหตุการณ  =    จํานวนผลลัพธของเหตุการณที่เราสนใจ

                                                         จํานวนผลลัพธทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นได

                   เมื่อผลทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากทดลองสุมแตละตัวมีโอกาสเกิดขึ้นไดเทาๆ กัน

                             กําหนดให E     แทน เหตุการณที่เราสนใจ

                                         P(E) แทน ความนาจะเปนของเหตุการณ
                                         n(E)  แทน จํานวนสมาชิกของเหตุการณ

                                         n(S)  แทน จํานวนสมาชิกของผลลัพธทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นได

                                  ดังนั้น   P( E )  =    n (E )
                                                  n (S )

                   ตัวอยางที่ 1   มีลูกปงปอง 4 ลูก เขียนหมายเลขกํากับไวดังนี้คือ 0, 1, 2, 3 ถาสุมหยิบมา 2 ลูก จงหาความ

                   นาจะเปนที่จะไดผลรวมของตัวเลขมากกวา 3

                   วิธีทํา   ให  S เปนแซมเปลสเปซ

                                              S = {(0, 1),(0, 2),(0, 3),(1, 2),(1, 3),(2, 3) }

                          จะได  n(S) = 6
                          E เปนเหตุการณหรือสิ่งที่โจทยอยากทราบ

                                            E = {(1, 3),(2, 3)}

                          จะได n (E) = 2

                                                     n  E                  2   1
                           นั่นคือ จากสูตรขางบนคือ p( E )  แทนคาได       EP  
                                                     n   S                 6   3
                                                                                 1
                                      ความนาจะเปนที่จะไดผลรวมของตัวเลขมากกวา 3 เทากับ
                                                                                 3
   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169