Page 156 - ตามรอยพระศาสดา
P. 156
155
ท�าขึ้นใหม่แต่ข้างแบบบางนั้น ถูกลมพัดหักสะบั้น ปลิวกระจายไปหมด
คุมกันใหม่ไม่ติด เนื้อตัวพวกเดียรถีย์ด�ามอมแมมด้วยดิน ฝุ่น มองดูเหมือน
คนออกจากกองถ่าน
แล้วฝนเม็ดใหญ่อย่างที่เรียกกันว่า ฝนไล่ช้างก็ตกลงมา พวกเดียรถีย์
เลยมีร่างลายพร้อยเหมือนโคด่าง ต่างหนีออกจากสาวัตถีไม่สู้หน้าต่อไป
ยมกปาฏิหาริย์
พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่จตุตถฌานสมาบัติ อันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญา
แล้วเหาะขึ้นสู่อากาศ เดินไปมา ณ พื้นเบื้องบน (ด้วยปฐวีกสิณบริกรรม)
แล้วเนรมิตเป็นพระพุทธองค์ เสด็จจงกรมบ้าง นอนบ้าง ถามปัญหากันบ้าง
บางองค์เอื้อมหัตถ์ไปลูบพระอาทิตย์บ้าง พระจันทร์บ้าง
แล้วท�าปาฏิหาริย์ อสาธาณถาน (คือชนิดที่พระองค์ท�าได้ สาวก
ท�าไม่ได้) โดยเข้าสู่อาโปกสิณสมาบัติ แล้วออกจากอาโปกสิณ เข้าสู่
เตโชกสิณสมาบัติเกิดเป็นท่อน�้า ท่อไฟ ออกจากพระกาย ข้างโน้นบ้าง
ข้างนี้บ้างสลับกัน
แล้วเสด็จนั่งประทับบัลลังก์แก้ว อันปรากฏขึ้นเหมือนยอด
คัมฑามพพฤกษ์ โปรดแสดงพระสัทธรรมเทศนา โดยสมควรแก่อัธยาศัย
แต่นั้น ครูทั้ง ๖ คณะ และพวกเดียรถีย์ทั้งปวงหลบหนีไป ไม่อวด
แสดงปาฏิหาริย์แข่งอีก
โปรดพุทธมารดา
พระพุทธเจ้าทรงด�าริว่า ตามพุทธประเพณีนั้น เมื่อท�ายมกปาฏิหาริย์
แล้ว จะไปจ�าพรรษา ณ ที่ใด ทรงพิจารณาด้วย อตีตังสญาณ เห็นแจ้งว่า
ไปจ�าพรรษาในดาวดึงส์ เพื่อเทศนาโปรดพุทธมารดา
ตามรอยพระศาสดา