Page 183 - ตามรอยพระศาสดา
P. 183
182
พระพุทธเจ้าเทศนาอยู่ มองไม่เห็นพระอานนท์ จึงตรัสถามหา
ภิกษุอื่นจึงทูลว่า พระอานนท์ไปยืนร้องไห้อยู่ ก็รับสั่งให้หาตัวแล้วตรัส
ว่า “อานนท์อย่าเศร้าโศก เป็นการไม่สมควร ตถาคตได้เทศนาแก่ท่าน
แล้วว่า สังขารธรรมทั้งหลาย ย่อมพลัดพรากปราศจากที่รัก ที่ชอบใจ ไม่
เที่ยงแท้ และอานนท์เป็นผู้อุปัฏฐากตถาคตสิ้นกาลนาน ซึ่งจะไม่มีผลนั้น
หามิได้ และอานนท์ก็มีบุญสัมภาระได้กระท�าไว้ในอดีตกาล อย่าทุกข์ร้อน
จงเพียรอย่าพึงประมาท ไม่ช้าก็มีสันดานปราศจากอาสวะบรรลุพระอรหันต์
ในกาลเมื่อท�าปฐมสังคายนาเป็นแท้”
ครั้นเวลาใกล้สว่าง เกิดพระรัศมีหกสีสว่างจากพระองค์โดยรอบ
รุ่งโรจน์เหมือนเปลวเพลิง เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาจะเสด็จสู่ปรินิพพาน
แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสถามพระอานนท์ว่า “เวลานี้มีประมาณเท่าใด”
พระอานนท์ทูลตอบว่า “ใกล้จะสว่างแล้ว” พระองค์จึงสั่งให้พระอานนท์
เรียกภิกษุประชุม พระอานนท์ทูลว่า “ภิกษุอยู่พร้อมกันแล้ว” ล�าดับนั้น
จึงตรัสแก่ภิกษุทั้งปวงว่า
“กาลบัดนี้ ตถาคตเป็นครูสั่งสอนท่านทั้งหลายอยู่แต่ผู้เดียว ใน
กาลเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พระธรรมจะเป็นครู สั่งสอนท่านทั้งปวง
แทน ท่านทั้งหลายอย่าพึงกล่าวว่า พระศาสดาล่วงลับไปแล้ว พระธรรม
ทั้งหลายจะเสื่อมสูญ ไม่มีครูแห่งเราสืบไป อันธรรมวินัยอันใดที่ตถาคต
บัญญัติไว้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อตถาคตล่วงแล้ว อันนั้นจะเป็นครูสั่งสอน
ท่านในกาลข้างหน้า
ตถาคตขอล�าอาท่านทั้งหลายเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว ดูกรท่าน
ทั้งหลาย สังขารธรรม มีสภาวะฉิบหายในเบื้องหน้า จงตกแต่งรักษาตนให้
บริบูรณ์ด้วยอัปปมาทธรรมเป็นนิตย์ ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาท
ให้ถึงพร้อม
ตามรอยพระศาสดา