Page 163 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 163

อยํา่ งไรกต็ ําม ในทนี่ จี้ ะขอนํา เสนอธรรมเนยี มขํา้ รําชกํารไวท้ กุ ขพ์ ระสงั ฆรําช เพรําะถอื เปน็ ธรรมเนยี มใหมท่ เี่ พงิ่ เกดิ ขนึ้ กลํา่ วคอื ในกรณสี มเดจ็ พระสงั ฆรําชสนิ้ พระชนม์ ในอดตี จะมกี ํารประกําศ ให้ไว้ทุกข์ด้วยหรือไม่ ในกรณีนี้ผู้เขียนเห็นว่ําประชําชนทั่วไปไม่มีกํารไว้ทุกข์กัน แต่คงทําเฉพําะ บรรดําเหล่ําศิษย์วัดและกลุ่มบุคคลท่ีท่ํานเคยเป็นพระอุปัชฌําจํารย์ เพรําะประกํารแรก หลักฐําน ในประกําศ ราชกิจจานุเบกษา ว่ํา ครั้งสมเด็จพระสังฆรําช (สํา) สิ้นพระชนม์ พระบรมวงศ์ท่ีทรง เป็นลูกศิษย์ของท่ํานหรือท่ํานเคยเป็นพระอุปัชฌําจํารย์ก็จะทรงผ้ําขําวไปงํานพระรําชทํานน้ําอําบ พระศพ แต่ไม่ปรํากฏว่ํามีกํารออกหมํายไว้ทุกข์ เพื่อให้ประชําชนไว้ทุกข์ตํามไปด้วย ประกํารที่สอง แมว้ ํา่ ในครําวงํานพระศพสมเดจ็ พระมหําสมณเจํา้ กรมพระยําปวเรศวรยิ ําลงกรณ์ ราชกจิ จานเุ บกษา ออกหมํายประกําศไวท้ กุ ขแ์ ตเ่ ปน็ กํารไวท้ กุ ข์ หํากแตห่ มํายฉบบั ดงั กลํา่ วประกําศใหเ้ จํา้ นํายในรําชวงศ์ เป็นผู้ไว้ทุกข์เท่ํานั้น
อยํา่ งไรกต็ ําม ตอ่ มําในครําวทสี่ มเดจ็ พระสงั ฆรําชเจํา้ กรมหลวงวชริ ญําณวงศส์ นิ้ พระชนม์ นํา่ จะเปน็ ครงั้ แรกทใี่ หข้ ํา้ รําชกํารไวท้ กุ ข์ ๑๕ วนั ถวํายควํามอําลยั ดงั ปรํากฏในประกําศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับท่ี ๒๖ ลงในรําชกิจจํานุเบกษํา พ.ศ.๒๕๐๑ ดังน้ัน อําจกล่ําวได้ว่ํานับจํากหลังจํากที่สมเด็จ พระสงั ฆรําชเจํา้ กรมหลวงวชริ ญําณวงศส์ นิ้ พระชนม์ จงึ ทํา ใหส้ ํา นกั นํายกรฐั มนตรมี อี อกประกําศให้ ขํา้ รําชกําร ลกู จํา้ ง พนกั งํานของสว่ นรําชกําร หนว่ ยงํานของรฐั และรฐั วสิ ําหกจิ ไวท้ กุ ข์ ทกุ ครงั้ ทส่ี มเดจ็ พระสังฆรําชส้ินพระชนม์
สรุป
ในสมัยรัฐจํารีต นับจํากกรุงศรีอยุธยําถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เจ้ํานําย ข้ํารําชบริพําร และ ไพร่ จะมีธรรมเนียมกํารไว้ทุกข์ด้วยกํารแต่งกํายด้วยชุดสีขําว ยกเว้นผ้ํานุ่งที่จะมีกํารกําหนดสีสัน แตกตํา่ งกนั ไปตํามฐํานนั ดรและตํา แหนง่ แหง่ ทที่ ํางสงั คม นอกจํากนี้ ในอดตี ยงั มกี ํารโกนผมดว้ ยเพอื่ แสดงควํามอําลัย ต่อมําเม่ือสมัยรัชกําลที่ ๔-๕ เป็นต้นมํา เมื่อรําชสํานักสยํามได้รับอิทธิพลจําก ตะวันตก ทําให้มีกํารกําหนดสีเส้ือผ้ําในกํารแต่งกํายไว้ทุกข์ใหม่ สีขําวได้ถูกกําหนดให้ใช้กับผู้ตําย ทมี่ ตี ํา แหนง่ แหง่ ทที่ ํางสงั คมสงู กวํา่ ในขณะทสี่ ดี ํา ถกู กํา หนดใหใ้ ชใ้ นทํางตรงกนั ขํา้ ม ดว้ ยกํารทสี่ งั คม ก้ําวสู่รัฐสมัยใหม่ที่อิงกับกํารทํางํานตํามเวลํามํากข้ึน ทําให้รําชสํานักจําเป็นต้องกําหนดจํานวนวัน ในกํารไว้ทุกข์ที่แน่นอน และยังสร้ํางระเบียบต่ํางๆ ขึ้นผ่ํานเครื่องแบบและประกําศต่ํางๆ
อย่ํางไรก็ตําม ภํายหลังกํารเปลี่ยนแปลงกํารปกครอง ๒๔๗๕ อํานําจของสถําบันกษัตริย์ ไดล้ ดลง ทํา ใหง้ ํานพระเมรถุ กู ลดขนําดลง ไมก่ ย็ กเลกิ ไปสํา หรบั เจํา้ นํายบํางพระองค์ ชดุ ไวท้ กุ ขส์ ดี ํา ที่เป็นชุดของผู้น้อยได้ถูกเลือกขึ้นมําเป็นสีมําตรฐํานของงํานศพแทน แต่จุดหักเหที่สําคัญที่ทําให้ ขนบธรรมเนยี มประเพณใี นกํารไวท้ กุ ขท์ งั้ ทอ่ี ทุ ศิ ใหก้ บั เจํา้ และขยํายไปถงึ พระสงฆก์ ลบั มําคอื กํารกํา้ ว ขึ้นมํามีอํานําจของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
อําจกลํา่ วไดว้ ํา่ ธรรมเนยี มกํารไวท้ กุ ขไ์ ดม้ กี ํารปรบั เปลย่ี นอยเู่ สมอทง้ั นเี้ พอื่ ปรบั ใหท้ นั สมยั เป็นสํากล และสะท้อนกํารรับเอําวัฒนธรรมที่หลํากหลํายในสังคม หํากแต่ธรรมเนียมกํารไว้ทุกข์ที่ ใช้ปฏิบัติกันในทุกวันนี้ แท้ท่ีจริงคือกฏระเบียบแบบแผนทํางรําชกํารท่ีรําษฎรนํามําใช้จนกลํายเป็น มํารยําททํางสังคมในท้ํายที่สุด
๖
ศิลปะ ประเพณี และความเชื่อในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ ๑๖๑
เสด็จสู่แดนสรวง


































































































   161   162   163   164   165