Page 319 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 319

นอกจํากนี้ ในครําวงํานพระเมรุมําศสมเด็จพระศรีนครินทรําบรมรําชชนนี ยังเป็นโอกําส สําคัญที่ภําครัฐได้เล็งเห็นควํามสําคัญในกํารผลักดันให้มีกํารสร้ํางสถําปนิกสถําปัตยกรรมไทยเพื่อ รองรับกํารออกแบบไทยประเพณี อันเกิดจํากควํามวิตกกังวลเรื่องควํามขําดแคลนผู้ปฏิบัติวิชําชีพ สถําปัตยกรรมไทยที่มีควํามรู้ควํามสํามํารถอย่ํางแท้จริง จึงมีโครงกํารให้ทุนกํารศึกษําแก่ผู้ศึกษํา ระดับปริญญําบัณฑิต และปริญญํามหําบัณฑิต สําขําวิชําสถําปัตยกรรมไทย ผ่ํานสถําบันฝ่ํายผลิต
คือ คณะสถําปัตยกรรมศําสตร์ มหําวิทยําลัยศิลปํากร และคณะสถําปัตยกรรมศําสตร์ จุฬําลงกรณ์
มหําวทิ ยําลยั โดยผจู้ บกํารศกึ ษํานนั้ ไดเ้ ขํา้ รบั รําชกํารในหนว่ ยงํานรําชกําร รวมทงั้ ปฏบิ ตั หิ นํา้ ทเี่ ปน็ ผู้สอนในสถําบันกํารศึกษําต่ํางๆ ซึ่งดอกผลอันงดงํามของโครงกํารดังกล่ําวได้สร้ํางควํามม่ันคงแก่
กํารปฏบิ ตั วิ ชิ ําชพี ดํา้ นสถําปตั ยกรรมไทยเปน็ อยํา่ งมําก รวมทง้ั ไดร้ ว่ มถวํายควํามอําลยั ในกํารทํา งําน ๑ รว่ มกนั ในกํารออกแบบกอ่ สรํา้ งพระเมรมุ ําศพระบําทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหําภมู พิ ลอดลุ ยเดช โดย 5 กํารผสํานควํามรว่ มมอื กนั ระหวํา่ งกรมศลิ ปํากร และคณะสถําปตั ยกรรมศําสตร์ มหําวทิ ยําลยั ศลิ ปํากร และคณะสถําปัตยกรรมศําสตร์ จุฬําลงกรณ์มหําวิทยําลัย ในปี พ.ศ.๒๕๖๐ นี้ด้วย
สรุป
สถําปตั ยกรรมเฉพําะกจิ ทที่ ํา หนํา้ ทใ่ี นพระรําชพธิ สี ง่ เสดจ็ สมเดจ็ พระมหํากษตั รยิ ์ พระมเหสี และพระบรมวงศํานุวงศ์ชั้นสูงให้เสด็จสู่สวรรคําลัยตํามคติควํามเช่ือดั้งเดิม แบบแผนพิธีกรรมและ กํารก่อสร้ํางดูจะมีควํามซับซ้อนมํากยิ่งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยําเป็นรําชธํานีแห่งดินแดนลุ่มแม่น้ํา เจ้ําพระยํา โดยแบ่งพระเมรุออกเป็นพระเมรุเอก พระเมรุโท และพระเมรุตรี ซึ่งเป็นอําคํารเฉพําะกิจ ทรงปรําสําทยอดปรํางค์ โดยพระเมรเุ อกมเี รอื นยอดปรํางค์ ๙ ยอด ในขณะทพี่ ระเมรโุ ท และพระเมรตุ รมี ี เรือนยอดทรงปรําง ๕ ยอด ทั้งนี้ พระเมรุเอก และพระมีเมรุโทมีอําคํารท่ีเรียกว่ํา “พระเมรุมําศ” ซอ้ นอยดู่ ํา้ นในอกี ชนั้ จงึ เรยี กอําคํารทรงปรําสําทยอดปรํางคท์ หี่ อ่ หมุ้ อยดู่ ํา้ นนอกวํา่ “พระเมรใุ หญ”่
ทว่ํากํารสืบทอดชุดควํามรู้จํากเมื่อครั้งที่เรียกว่ํา “ครั้งบ้ํานเมืองยังดี” ในกรุงศรีอยุธยํา มําสู่กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ เป็นไปอย่ํางกระท่อนกระแท่นด้วยผู้รู้ และเอกสํารตํารําต่ํางๆ ได้ กระจดั พลดั พรํากไป ดงั จะเหน็ ไดว้ ํา่ พระบําทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟํา้ จฬุ ําโลกมหํารําช ไดโ้ ปรดเกลํา้ ฯ ให้ชําระเอกสํารตํารํา คัมภีร์ต่ํางๆ เพ่ือเป็นหลักยึดมั่นในกํารปฏิบัติตํามจํารีตของแบบแผนต่ํางๆ ท่ีรับสืบทอดมําจํากสมัยอยุธยํา
ในท่ีนี้จะเห็นได้ว่ํา ในช้ันต้นกรุงน้ันยังคงสืบทอดแบบแผนทํางสถําปัตยกรรมแบบอยุธยํา สืบต่อลงมําได้ แต่ก็ค่อยเปลี่ยนแปลงไปให้สอดคล้องกับบริบทแวดล้อมต่ํางๆ จนในท่ีสุดในรัชสมัย พระบําทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลํา้ อยหู่ วั รชั กําลที่ ๕ ไดม้ พี ระรําชดํา รใิ หว้ ํางแผนออกแบบพระเมรมุ ําศ และพระเมรุให้ประหยัดทรัพยํากรสอดคล้องกับกํารเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในช่วงเวลําดังกล่ําว ทํา ใหร้ ปู แบบสถําปตั ยกรรมของพระเมรมุ ําศเปลยี่ นแปลงไปอยํา่ งพลกิ ฝํา่ มอื โดยเฉพําะพระเมรมุ ําศ และพระเมรุท่ีออกแบบโดยสมเด็จฯ กรมพระยํานริศรํานุวัดติวงศ์ท่ีได้พัฒนํารูปแบบทําง สถําปตั ยกรรมของพระเมรมุ ําศ และพระเมรไุ ปอยํา่ วกํา้ วกระโดด จนระยะเวลําตอ่ มําเมอื่ เปลยี่ นแปลง กํารปกครองจํากระบบสมบูรณําญําสิทธิรําชย์มําสู่ระบอบประชําธิปไตยหน้ําท่ีกํารออกแบบ พระเมรุมําศจึงได้ตกไปอยู่ที่กรมศิลปํากรจนกระท่ังทุกวันนี้
ศิลปะ ประเพณี และความเช่ือในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ 3๑๗
เสด็จสู่แดนสรวง


































































































   317   318   319   320   321