Page 31 - เศรษฐกิจพอเพียง ม.ต้น
P. 31
24
สินคาและบริการทางดานการเกษตร ผลผลิตทางการเกษตรนอกจากใชในการบริโภคแลวยังใชเปนวัตถุดิบ
ในการผลิตทางอุตสาหกรรมอีกดวย ไดแก การทํานา การทําไร ทําสวน เลี้ยงสัตว ฯลฯ พระบาทสมเด็จพระ
เจาอยูหัวฯ ไดพระราชทานพระราชดําริฯ ใหเกษตรกรซึ่งเปนคนสวนใหญของประเทศมีความแข็งแรงพอกอนที่จะ
ไปผลิตเพื่อการคาหรือเชิงพาณิชย โดยยึดหลักการ “ทฤษฎีใหม” 3 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1 มีความพอเพียง เลี้ยงตัวเองไดบนพื้นฐานของความประหยัดและขจัดการใชจาย
ขั้นที่ 2 รวมพลังกันในรูปกลุม เพื่อการผลิต การตลาด การจัดการ รวมทั้งดานสวัสดิการ
การศึกษา การพัฒนาสังคม
ขั้นที่ 3 สรางเครือขาย กลุมอาชีพและขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย โดยประสาน
ความรวมมือกับภาคธุรกิจ ภาคองคกรพัฒนาเอกชน และภาคราชการในดานเงินทุน การตลาด การผลิต
การจัดการและขาวสารขอมูล
ทฤษฎีใหมเปนแนวพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช เกี่ยวกับการจัด
พื้นที่ดินเพื่อการอยูอาศัยและมีชีวิตอยางยั่งยืน โดยมีแบงพื้นที่เปนสวน ๆ ไดแก พื้นที่น้ํา พื้นที่ดินเพื่อเปนที่
นาปลูกขาว พื้นที่ดินสําหรับปลูกพืชไรนานาพันธุ และที่สําหรับอยูอาศัย/เลี้ยงสัตว ในอัตราสวน 3
: 3 : 3 : 1 เปนหลักการในการบริหารการจัดการที่ดินและน้ํา เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กใหเกิด
ประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
1. มีการบริหารและจัดแบงที่ดินแปลงเล็ก ออกเปนสัดสวนที่ชัดเจน เพื่อประโยชนสูงสุดของ
เกษตรกร ซึ่งไมเคยมีใครคิดมากอน
2. มีการคํานวณโดยหลักวิชาการ เกี่ยวกับปริมาณน้ําที่จะกักเก็บใหพอเพียง ตอการเพาะปลูกได
ตลอดป
3. มีการวางแผนที่สมบูรณแบบ สําหรับเกษตรกรรายยอย 3 ขั้นตอน เพื่อใหพอเพียงสําหรับเลี้ยง
ตนเองและเพื่อเปนรายได
ขั้นที่ 1 ทฤษฎีใหมขั้นตน สถานะพื้นฐานของเกษตรกร คือ มีพื้นที่นอย คอนขางยากจน อยูในเขต
เกษตรน้ําฝนเปนหลัก โดยในขั้นที่ 1 นี้มีวัตถุประสงคเพื่อสรางเสถียรภาพของการผลิต เสถียรภาพดาน
อาหารประจําวัน ความมั่นคงของรายได ความมั่นคงของชีวิต และความมั่นคงของชุมชนชนบท
เปนเศรษฐกิจพึ่งตนเองมากขึ้น มีการจัดสรรพื้นที่ทํากินและที่อยูอาศัย ใหแบงพื้นที่ ออกเปน 4 สวน
ตามอัตราสวน 30 : 30 : 30 : 10 ซึ่งหมายถึง พื้นที่สวนที่หนึ่งประมาณ 30% ใหขุดสระเก็บกักน้ํา เพื่อใชเก็บ
กักน้ําฝนในฤดูฝนและใชเสริมการปลูกพืชในฤดูแลง ตลอดจนการเลี้ยงสัตวน้ําและพืชน้ําตาง ๆ (สามารถ
เลี้ยงปลา ปลูกพืชน้ํา เชน ผักบุง ผักกะเฉดฯ ไดดวย) พื้นที่สวนที่สองประมาณ 30% ใหปลูกขาวในฤดูฝน
เพื่อใชเปนอาหารประจําวันในครัวเรือนใหเพียงพอตลอดป เพื่อตัดคาใชจายและสามารถพึ่งตนเองได พื้นที่
สวนที่สามประมาณ 30% ใหปลูกไมผล ไมยืนตน พืชผัก พืชไร พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใชเปนอาหาร
ประจําวัน หากเหลือบริโภคก็นําไปจําหนาย และพื้นที่สวนที่สี่ประมาณ 10% ใชเปนที่อยูอาศัย เลี้ยงสัตว
และโรงเรือนอื่น ๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุยหมัก โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสัตว
ไมดอกไมประดับ พืชผักสวนครัวหลังบาน เปนตน)