Page 33 - aa
P. 33
20
4. แบบต้องท าเป็นหนังสือระหว่างกันเอง คือเป็นกรณีที่ผู้ท านิติกรรมจะต้องท าเป็น
หนังสือกันเองเพื่อไม่ให้การแสดงเจตนานั้นเป็นการเลื่อนลอยจนเกินไป ไม่จ าเป็นต้องให้
พนักงานเจ้าหน้าที่รับรู้เป็นเพียงเกี่ยวข้องกันเฉพาะระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น 5. แบบอื่นๆ
ตามที่กฎหมายก าหนด กล่าวคือ เป็นแบบเฉพาะตามที่กฎหมายก าหนดเป็นเรื่องๆ ไปต่าง
ไปจากนิติกรรม 4 แบบ ดังกล่าวข้างต้น แต่เป็นนิติกรรมที่ กฎหมายก าหนดไว้เป็นพิเศษ
เช่น เช็ค ต้องมีรายการตามที่กฎหมายก าหนดไว้ ตั๋วสัญญาใช้เงินต้องมีรายการระบุไว้
มิฉะนั้นจะเป็นเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินไม่สมบูรณ์ เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของนิติกรรม
1. วัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
คือการท านิติกรรมใด ๆ ที่เป็นลักษณะต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เช่น นาย ก กู้เงินนาย
ข 500 บาท โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวัน วันละ 100 บาท หรือคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันวัน
ละ 20 % ขัดต่อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 "ท่านห้ามมิให้คิด
ดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี ถ้าในสัญญาก าหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็น
ร้อยละสิบห้าต่อปี" ดังนั้น นิติกรรมระหว่างนาย ก และนาย ข ถือเป็นโมฆะ
2. วัตถุประสงค์เป็นการพ้นวิสัย หมายถึง วัตถุประสงค์ที่เหลวไหล เป็นไปไม่ได้ ใช้
บังคับกันไม่ได้จริง
กรณีศึกษา ค าพิพากษาฎีกาเลขที่ 462/2478 "...ขณะท าสัญญาจ าเลยจ้างโจทย์มาท างาน
เกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ ภายหลังบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นละทิ้งหน้าที่ไป จ าเลย
ขอให้คนอื่นมาเป็นบรรณาธิการแทนแต่รัฐบาลไม่อนุญาต โรงพิมพ์จึงถูกปิด กรณีนี้ไม่ใช่
เรื่องวัตถุประสงค์ของพฤติกรรม เป็นการพ้นวิสัย