Page 221 - aa
P. 221
208
7. ผู้รับจ าน าตาม พ.ร.บ.โรงรับจ าน าต้องเป็นบุคคลใด
ก. เป็นข้าราชการของทางการ
ข. เป็นผู้ได้รับอนุญาตตั้งโรงรับจ าน าตามกฎหมาย
ค. ใครก็ได้ถ้าตั้งเป็นรูปบริษัทและมีวัตถุประสงค์รับจ าน า
ง. ใครก็ได้หากประสงค์จะตั้งโรงรับจ าน าและมีเงินทุนเพียงพอ
8. การจ าน าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับตาม พ.ร.บ. โรงรับจ าน ามีข้อ
แตกต่างกันอย่างไร
ก. ผู้จ าน าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จ าน า
ข. ผู้จ าน าตาม พ.ร.บ. โรงรับจ าน าไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จ าน า
ค. การจ าน าทั้งข้อ ก และข้อ ข รับจ าน าทรัพย์สินได้ไม่เกิน 1 แสนบาท
ง.ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข
9. ความระงับสิ้นไปของสัญญาจ าน าคือข้อใด
ก. ทรัพย์สินที่จ าน ากลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จ าน าแล้ว
ข. ระยะเวลาบังคับจ าน าขาดอายุความแล้วสัญญาจ าน าก็ระงับ
ค. หนี้ประธานระงับเพราะมีการช าระหนี้แล้ว
ง.ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ค
10. โรงรับจ าน าจะต้องคืนของที่รับจ าน าให้เจ้าของที่แท้จริงหากปรากฏข้อเท็จจริงในข้อใด
ก. ได้รับจ าน าสิ่งของที่เห็นได้ชัดว่าเป็นของทางการ
ข. ได้รับจ าน าสิ่งของที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าเป็นของที่หายไป
ค. ได้รับจ าน าสิ่งของที่ผู้รับจ าน ารู้อยู่หรือควรรู้ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาโดยการกระท าผิด
ของผู้จ าน า
ง.ถูกทุกข้อ