Page 198 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 198

“ที่ตอบเช่นนั้นหมายความว่า หม่อมฉันเมื่อตายจากมนุษย์นี้แล้วไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร เกิดเป็น

                                   ่
                                                       ่
               มนุษย์อย่างเก่าหรือวาเกิดเป็นเทวดา หรือวาไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือเปรต อสุรกาย สัตว์นรก
               ประเภทใดประเภทหนึ่ง หม่อมฉันไม่ทราบ จึงได้กราบทูลว่าไม่ทราบเจ้าค่ะ” พระพุทธเจ้าตรัสสาธุ

                                                                         ่
               กาล “สาธุ เธอตอบถูกต้องแล้ว” ข้อที่ ๓ เมื่อเราตรัสถามเธอวา “เธอไม่ทราบหรือ เหตุใดจึงตอบ
               ว่าทราบ” นางกราบทูลว่า “ที่ตอบเช่นนั้นหมายความว่า หม่อมฉันเกิดมาต้องทราบว่าจะต้องตาย

               จึงได้ตอบว่าทราบ”  แล้วเราตรัสถามขอที่  ๔  ว่า  “เธอทราบหรือเหตุใรจึงตอบว่าไม่ทราบ”  นาง

               กราบทูลว่าที่ตอบว่าเช่นนั้นหมายความว่า “หม่อมฉันทราบว่าจะต้องตาย แต่ไม่ทราบวัน เวลา ว่า

               จะตายด้วยโรคโควิดหรือเปล่า  จะตายด้วยอุบัติเหตุหรือเปล่า  จะตายที่ไหน  ตายเวลาอะไร  ตาย

               วันที่เท่าไหร่ ตายกี่โมง ตายกลางวัน ตายกลางคืน ตายเวลาเท่าไหร่ หม่อมฉันไม่ทราบ จึงได้กราบ

               ทูลว่าไม่ทราบเจ้าค่ะ” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สาธุเธอตอบถูกต้องแล้ว เพราะฉะนั้น คนทั้งหลาย ผู้ที่

               มีนัยน์ตาอันมืดบอดคือมีปัญญาอันน้อยย่อมไม่รู้ ย่อมไม่เข้าใจก็เลยมาตำหนินาง

                     พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนจะรู้อริยสัจ ๔ เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่การประพฤติปฏิบัติธรรมก็จะ

               สามารถทำให้คนนั้นรู้และเข้าใจอริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เปรียบเสมือนคนทั้งหลายเมื่อ

               เวียนวายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ย่อมไม่รู้ว่าเกิดมาแล้วจะเป็นอย่างไร จะหน้าตาหล่อสวย จะร่ำรวย
                     ่
               หรือว่าเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือว่าจะเกิดมายากจน ย่อมไม่รู้ เมื่อบุคคลไม่รู้ จึงพากันเวียนว่าย

               ตายเกิดในวัฏวน คือเกิดแล้วเกิดอีก ตายแล้วตายอีก อย่างนี้

                     เพราะฉะนั้น คนที่จะมารู้ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อันเป็นทางดำเนินไปสู่การพ้นทุกข์นี้

               เป็นเรื่องที่ยาก เปรียบเหมือนกับนายพรานที่จับนกติดตาข่ายแล้ว น้อยตัวที่จะรอดพ้นจากตาข่าย

                                                       ู่
               ไปได้ เพราะฉะนั้น คนหลายจึงวนเวียนอยในวัฏวน คือกิเลส ตัณหาต่าง ๆ ดึงลงสู่ที่ต่ำอยู่เรื่อย ๆ
               เพราะฉะนั้น  เราไม่ควรประมาทในชีวิต  ควรสะสมบุญกุศลไว้มาก  ๆ  เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดง

               ธรรมไปทำนองนี้ ปรากฏว่านางกุมาริกาบรรลุเป็นพระโสดาบัน

                     เมื่อนางบรรลุแล้วก็กราบลาพระพุทธเจ้ากลับไปโรงงานทอผ้า  ปรากฏว่าพ่อรอลูกสาวนาน

               เกินไปก็เลยนั่งโต๊ะแบบหลับอยู่ที่โรงงานทอผ้าของตัวเอง  โดยจับกระสวยหลอดด้ายที่มีหัวแหลม

               ท้ายแหลม  เมื่อลูกสาวไปถึงเห็นพ่อนั่งฟุบหลับอย่างนั้น  ก็ด้วยความปรารถนาดีก็เลยก้มตัวโน้มลง

               ไปจะใส่หลอดด้าย หวังวาจะให้พ่อนี้ตื่นขึ้นมาก็ทำงานทอผ้าได้เลย แต่บังเอิญผ้าส่าหรีของนางที่นุ่ง
                                      ่
               มานั่นมันไปเกี่ยวกับกระสวยหลอดด้ายอีกอันหนึ่งมันก็ตกลงไป  พอตกลงไป  พ่อก็ตกใจ  มือที่กำ

               กระสวยหลอดด้ายที่มีหัวแหลมท้ายแหลมก็เหวี่ยงมาอย่างแรง เสียบเข้าที่หน้าอกลูกสาว ลูกสาวก็

               ตกใจ พอตกใจก็ได้สติ เพราะนางบรรลุโสดาบันแล้ว จึงได้บอกกับพ่อว่า “พ่อหนูขอโทษ ที่หนูมาช้า



                                                          ๑๙๘
   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203