Page 378 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 378

เรื่องอดีตที่ผ่านมา  มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป  ถ้าคิดเอามาเป็นธรรมะได้ก็ยิ่งดี  อะไรที่พอจะ

               แก้ไขได้ก็รีบแก้ไข อะไรแก้ไขไม่ได้ก็ให้มันผ่านไป เพราะมันผ่านไปแล้วเอามาเป็นบทเรียน เอามา

                            ์
               เป็นอุทาหรณสอนใจตัวเอง ไม่อยากจะให้ความผิด พลาดนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงมันเกิดขึ้น เรา
               ก็ต้องคิดว่า  นั่นแหละทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้  และมันจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของมัน

               ส่วนอนาคตถ้าวิตกกังวลมากเกินไป  กลัวมากเกินไป  กังวลมากเกินไป  อันนี้ก็จะทำให้เราเกิดโรค

               ประสาทขึ้นมาได้  หรือว่าเป็นโรคทางใจก็ไม่ดีอีก  สิ่งที่พระพุทธเจ้าแนะนำก็คือ  การระลึกรู้ลม

               หายใจเข้าออก ไม่ต้องคำนึงถึงอดีต ไม่ต้องเพ้อฝันถึงเรื่องอนาคต หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ นี่

               เรียกว่าเจริญธรรม ธรรมะคือสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งบวกหรือสิ่งลบ อย่างเราที่จะสวดมนต์

                             ่
               ในวันนี้ เรียกวา “บทพระอภิธรรม”
                     พระอภิธรรม คือ ธรรมะที่ยอดเยี่ยมที่พระพุทธเจ้าได้สอนให้แก่พุทธมารดา ที่อยู่ที่สวรรค์ชั้น

               ดาวดึงส์ พระองค์ทรงตรัสว่า “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา” นั่นคือ “กุสะ

               ลา ธัมมา” หมายความว่า สิ่งที่ทำให้เกิดบุญ “อะกุสะลา ธัมมา” คือ สิ่งที่ทำให้เกิดบาป สิ่งใดที่ทำ

               ให้เกิดบุญก็คือ พยายามทำจิตให้มันใส เช่น พูดดี คิดดี ทำดี สวดมนต์ นั่งสมาธิ รักษาศีล ล้วน

               แล้วแต่เป็นการสร้างกำลังจิตที่ดีให้แก่ตัวเอง หรือไม่ต้องคิดปรุงแต่งอะไร แค่หายใจเข้าก็รู้ หายใจ

                                                                          ่
               ออกก็รู้ นี่คือการสรางความดี ความดีนี้แหละมันจะเป็นบุญ คำวา “บุญ” คือ ทำให้จิตใส จิตตื่น จิต
                                 ้
               เบิกบาน และตรงกันข้าม ถ้าเรามาทำจิตของเราให้เศร้า ให้หงุดหงิด ให้เบื่อ ให้เซ็ง เรื่องโน้น เรื่อง

               นี้ อันนี้เรียกว่า “อะกุสะลา ธัมมา” คือ ทำสิ่งที่ทำให้จิตของตัวเองกระวนกระวาย วิตกกังวล กังวล

                                                               ็
               มากเกินเหตุ และเป็นคนเครียด เป็นคนหงุดหงิด เปนคนเบื่อ เป็นคนเซ็ง ในที่สุดความคิดนั้นแหละ
               มันจะทำร้ายจิตของเราเอง เรียกว่า “อะกุสะลา ธัมมา” เราไม่ฉลาดคิด ไม่ฉลาดทำ มันก็ทำให้จิต

               เศร้าหมองได้ ทำให้จิตมืดมนได้ ทำให้จิตเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ คือ กระวนกระวาย ฟุ้งซ่าน และ

               ในที่สุดจิตนี้แหละมันจะไร้คุณภาพ คือ คุณภาพไม่ดี ก็ขี้วิตก ขี้กังวล สารพัดที่จะเกิดขึ้น นั่นแหละ

               เรากำลังสร้างบาปให้แก่ตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงมาอยู่กับปัจจุบัน ที่บอกว่าหายใจเข้าก็รู้ หายใจออก

               ก็รู้ หายใจเข้าก็รู้ ทำได้แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว

                     เพราะฉะนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าไปทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ให้แก่พุทธมารดาที่สวรรค์

               ชั้นดาวดึงส์ นั้น ทรงตรัสเรื่องบาปเรื่องบุญนี้แหละ อะไรทำให้เกิดบาปอะไรทำให้เกิดบุญ ทีนี้เมื่อรู้

               บาปรู้บุญแล้วก็มาแยกขันธ์ ๕ ร่างกายของเรานี้ประกอบด้วยขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญา

               ขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ และส่วนใดบ้างที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย ท่านก็ย้อนกลับไปถึงอดีต

               อนาคต และปัจจุบัน จะละเอียด หยาบ หรือประณีต อยู่ไกลอยู่ใกล้ ก็พิจารณาให้ดีว่ารางกายส่วน
                                                                                               ่


                                                          ๓๗๘
   373   374   375   376   377   378   379   380   381   382   383