Page 6 - งานนำเสนอจะเข้
P. 6
2
การน ามาใช้
ไทยเรา เห็นจะรู้จักการเล่นจะเข้มาช้านานไม่น้อยกว่าสมัย ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจึงมีกล่าวถึงในกฎมณเฑียรบาลครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ปรากฏ
ว่าเพิ่งน า เข้าผสมวงเครื่องสายและวงมโหรี เมื่อครั้งรัชกาลที่ 2 กรุงรัตนโกสินทร์นี่เอง เครื่องเครื่องดีดของ เดิมคือ กระจับปี่ ที่ไม่ปรากฏ น า
จะเข้เข้าเล่นร่วมวงมาแต่ก่อน บางทีเครื่องดนตรีชนิดนี้จะเหมาะส าหรับเล่นเดียวและมีบางท่านกล่าวว่าจะเข้ของเขมรต้องมีเขาท ารูปร่างอย่าง
เขมรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาด ารงราชานุภาพทรงกล่าวไว้ว่าจะเข้แต่เดิมเป็นเครื่องสังคีตมอญมีจระเข้ของไทยชนิดเก่าแก่ตั้งแต่
แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานใน นครย่างกุ้งรวมไว้กับจะเข้อย่างในแต่ในสหภาพพม่าไม่มีใครเล่นจะเข้เมื่อไทยเราน าไปดีดให้ฟังเขาเห็นเป็น
ของแปลกและไพเราะน่าฟัง ไม่ว่าจะเข้เป็นเครื่องดนตรีที่เราได้แบบอย่างมาจากใครก็ตามเดี๋ยวนี้นับว่าเป็นเครื่องดนตรีของไทยที่มีกระแส
เสียงก้องกังวานเกิดความไพเราะมากและเป็นที่นิยมกันแพร่หลาย ในวงดนตรีไทยในปัจจุบัน แต่เดิมแค่ไปเล่นเดี่ยว เพิ่งจะน ามาผสมกับวง
เครื่องสายในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่เองเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมเดี่ยวเพลงอวดฝีมือนักดนตรี ปัจจุบันนิยมใช้กันแพร่หลายมาก
ที่น ามาเล่นส่วนมากจะเป็นเพลงลาวแพน จีนขิมใหญ่ เขมรปี่แก้วทางสักวากล่าวใน เป็นต้น