Page 20 - งารวารสาร 5/6
P. 20

คุณสมบัติอีกอย่างคือ เพชรมีรอยแยกแนวเรียบ (Cleavage) ที่สมบูรณ์ 4 ทิศทาง
               (Octahedral Cleavage) รอยแยกดังกล่าวจะเป็นรอยที่เพชรแตกออกได้ง่ายที่สุด ซึ่งจะมี

               ส่วนช่วยในการตัดและเจียรเป็นเพชรให้มีสัดส่วนและขนาดตามความต้องการได้สะดวกขึ้น
               ในทางกลับกัน จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นกัน หากไม่ต้องการให้เพชรแตกตามแนว

               รอยแยกดังกล่าว ซึ่งจะก่อให้เกิดตําหนิภายในเพชร ได้











                       เพชรมีความวาวสูง ทางวิชาการเรียกว่า Adamantine Luster
               ปรกติหากยังไม่มีการตัด ขัด และเจียระไนจะไม่เห็น จะเห็นเฉพา
               ะลักษณะผิวนอกสีเทาตะกั่ว (Lead - Grey - Metallic Appearance)

               คุณสมบัติของความวาวและความเป็นประกาย (Luster and Brilliancy)
               เรียกกันว่า "ไฟ" (Fire) ส่วนความโปร่งใส (Degree of Transparency)

                เป็นคุณสมบัติที่เรียกกันว่า "น้ํา" (Water of a Diamond)
               เพชรแตกง่ายเมื่อถูกความร้อนเฉียบพลัน
                ในกรณีที่ได้รับความร้อนในระดับอุณหภูมิสูงนานๆ ผิวนอก

               จะเป็นสีดํา ถ้าทําให้เพชรมีความร้อนสูงถึง 1,500 องศาเซลเซียส
               ในสูญญากาศ จะเปลี่ยนเป็นแกรไฟต์ โดยปรกติแล้วเพชรจะไม่ทําปฏิกิริยา

               กับสารเคมีใดๆ บางตํารากล่าวว่ามีเพียงกรดโครมิก ซัลฟูริก เท่านั้น
               ที่เปลี่ยนเพชร ให้กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส
               นอกจากนี้ เพชรมีค่าการนําความร้อนสูงมาก คือสูงกว่าทองแดง 5 เท่า .












                                                                                นายอนุชิต บัวล้อมใบ เลขที่ 36
               อ้างอิง : http://www.patchra.net/minerals/gems/diamond04.php
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25