Page 25 - หนังสือ เรื่อง ภาษากับวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่น
P. 25
และได้ตั้งชื่อทารกนั้นในโอกาสนี้ด้วยว่า
“พระไวยว่ากับพระกาญจน์บุรี จะให้ชื่อไรดีคุณพ่อขา
ให้สมกับเค้ามูลตระกูลมา ท่านทวดว่าชื่อแก้วแลแววไว
ขุนแผนจึงให้ชื่อว่าพลายเพชร เอาเคล็ดนามปู่เป็นผู้ใหญ่
ญาติวงศ์ยินยอมพร้อมใจ ก็อยู่ได้เป็นสุขสนุกสบาย”
(ขุนช้างขุนแผน)
เพราะฉะนั้นพิธีทำขวัญเดือน โกนผมไฟ และตั้งชื่อ ของพลายเพชร จึงเป็นตัวอย่างที่ดี
สำหรับเป็นหลักฐานยืนยันการเลียนแบบพระราชพิธีของครอบครัวขุนนาง แต่มีวิธีการหลีกเลี่ยงไปบ้างเล็กน้อย
เช่นกำหนด วันเวลาให้คลาดเคลื่อนกัน ประเพณีที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ไม่เสียหายอะไร และมีทางเป็นไปได้ เพราะ
ระยะเวลา ตั้งแต่ขุนแผนเกิดจน ถึงอายุ พลายเพชรชั้นหลานนั้นห่างกันถึง ๔๐ กว่าปี ทั้งสภาพฐานะและสังคมของ
ขุนแผนเวลานั้นก็เป็นบุตรชาวบ้านธรรมดา ส่วนพลายเพชรเป็นบุตรหลานขุนนางผู้ใหญ่หลายทอด จึงได้มีการโกน
ผมไฟด้วย
เครื่องทำขวัญเดือน
หลังจากเอาเด็กใส่กระด้งร่อนแล้วก็ให้นอนเปล ส่วนแม่ก็อยู่ไฟพอครบ ๑ เดือน แม่ออกไฟ
ตั้งชื่อเด็กแล้วก็มีการบายศรีผูกขวัญ ให้เงินทองสิ่งของทำขวัญ กล้วย แตงกวา ธูปเทียน ดอกไม้ นำเครื่องประดับ
มารับขวัญเด็กแล้ว เวียนเทียนสามรอบ พร้อมกับโห่สามครั้ง
การทำขวัญเป็นการประกอบพิธีแบบง่าย ๆ ของคนในครอบครัวและเพื่อนบ้าน จัดให้ผู้ใหญ่
นั่งเป็นวงกลม ยกบายศรีตั้งไว้ตรงกลางแล้วโห่ ๓ ลา เวียนเทียน สลับกับการโห่เป็นระยะ การกล่อมขวัญใช้คำ
ง่าย ๆ เป็นสำนวนไทย เรียกขวัญให้มาอยู่กับตัวเด็ก ให้อายุมั่นขวัญยืน มีความสวัสดิชัย ดังบทประพันธ์ที่ว่า
“แล้วเร่งรัดจัดแจงแต่งบายศรี เงินทองของดีมาผูกให้
กล้วยน้ำแตงกวาเอามาใส่ ธูปเทียนดอกไม้มีหลายพรรณ
ให้หลานใส่เสมาปะวะหล่ำ กำไลทองคำงามเฉิดฉัน
บ้าหว่าทองผูกสองข้างแขนนั้น สายกุดั่นทั้งแท่งดังแกล้งทำ”
(ขุนช้างขุนแผน)
หน้า | ๒๐