Page 14 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 14

หน้า ๒                                                                               ส่วนที่ ๑



                           กำรกระท ำกิจกำร กำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือกำรศึกษำเรื่องใด ๆ นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่อยู่

               ในหน้ำที่และอ ำนำจของสภำ รวมทั้งอยู่ในหน้ำที่และอ ำนำจตำมที่ระบุไว้ในกำรตั้งคณะกรรมำธิกำร
               ซึ่งโดยหลักแล้วหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรสำมัญแต่ละชุดจะถูกก ำหนดไว้ในข้อบังคับ

               กำรประชุมฯ แต่หำกเป็นคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญหรือคณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ จะมีกำร
               ระบุหน้ำที่และอ ำนำจไว้ตั้งแต่แรกตำมที่สภำได้มีมติตั้งคณะกรรมำธิกำรนั้น ๆ นอกจำกนั้นกำรด ำเนินกำร
               ของคณะกรรมำธิกำรต้องไม่เป็นเรื่องที่มีควำมซ้ ำซ้อนกัน แต่หำกเรื่องใดมีควำมเกี่ยวข้องกันก็จะเป็นหน้ำที่

               ของประธำนสภำที่จะด ำเนินกำรให้คณะกรรมำธิกำรที่เกี่ยวข้องทุกชุดร่วมกันด ำเนินกำร
                           ในกรณีเฉพำะที่มีกำรสอบหำข้อเท็จจริงคณะกรรมำธิกำรจะมอบอ ำนำจหรือมอบหมำยให้

               บุคคลหรือคณะบุคคลใดกระท ำกำรแทนไม่ได้
                           ข้อสังเกต หน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรตำมรัฐธรรมนูญและกฎหมำยที่เกี่ยวข้องแต่
               เดิมจะปรำกฏถ้อยค ำว่ำ “การสอบสวน” แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะใช้ค ำว่ำ “การสอบหาข้อเท็จจริง”

               ซึ่งน่ำจะอนุมำนได้ว่ำควำมมุ่งหมำยที่ให้คณะกรรมำธิกำรด ำเนินกำรนั้นคือกำรสอบหำข้อเท็จจริงให้ปรำกฏ
               มำกกว่ำจะเป็นกำรสอบสวนเพอหำข้อผิดถูก ซึ่งจะมีลักษณะเป็นกำรด ำเนินกำรเชิงสอบสวนท ำนอง
                                            ื่
                            ิ
               เดียวกับกำรพสูจน์ถูกหรือผิดตำมกระบวนกำรยุติธรรม อีกทั้งหน้ำที่และอ ำนำจในกำรสอบข้อเท็จจริงนี้
               จะกระท ำได้เฉพำะคณะกรรมำธิกำรเท่ำนั้นไม่สำมำรถมอบให้บุคคลหรือคณะบุคคลกระท ำกำรแทนได้
               ดังเช่นที่ผ่ำนมำที่ได้มีกำรมอบหมำยให้คณะอนุกรรมำธิกำรด ำเนินกำรสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีเรื่อง

               ร้องเรียนมำยังคณะกรรมำธิกำร


               การด าเนินการตามอ านาจและหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ
                           มาตรา ๑๒๙ วรรคสี่ ได้ก ำหนดว่ำ คณะกรรมำธิกำรมีอ ำนำจเรียกเอกสำรจำกบุคคลใด
               หรือเรียกบุคคลใดมำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมเห็นในกิจกำรที่กระท ำหรือในเรื่องที่พจำรณำสอบหำ
                                                                                               ิ
               ข้อเท็จจริงหรือศึกษำอยู่นั้นได้ แต่กำรเรียกเช่นว่ำนั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พพำกษำหรือตุลำกำรที่ปฏิบัติตำม
                                                                               ิ
               หน้ำที่หรือใช้อ ำนำจในกระบวนวิธีพิจำรณำพิพำกษำอรรถคดี หรือกำรบริหำรงำนบุคคลของแต่ละศำล และมิให้

               ใช้บังคับแก่ผู้ด ำรงต ำแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับกำรปฏิบัติตำมหน้ำที่และอ ำนำจโดยตรงในแต่ละ
               องค์กรตำมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือตำมพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี
                           มาตรา ๑๒๙ วรรคห้า ได้ก ำหนดว่ำ ให้เป็นหน้ำที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจกำร

               ที่คณะกรรมำธิกำรสอบหำข้อเท็จจริงหรือศึกษำที่จะต้องสั่งกำรให้เจ้ำหน้ำที่ของรัฐในสังกัดหรือในก ำกับ
               ให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสำร หรือแสดงควำมเห็นตำมที่คณะกรรมำธิกำรเรียก

                           มาตรา ๑๒๙ วรรคหก ได้ก ำหนดว่ำ ให้สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำเปิดเผยบันทึกกำรประชุม
               รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณีของคณะกรรมำธิกำร

               ให้ประชำชนทรำบ เว้นแต่สภำผู้แทนรำษฎรหรือวุฒิสภำแล้วแต่กรณี มีมติมิให้เปิดเผย
                           ข้อสรุป ในกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรตำมหน้ำที่และอ ำนำจ คณะกรรมำธิกำร
               มีอ ำนำจในกำรเรียกเอกสำรที่อยู่ในควำมครอบครองของบุคคลหรือเรียกบุคคลมำให้ข้อมูลข้อเท็จจริง

                                                      ิ
               เกี่ยวกับกิจกำรที่ได้กระท ำหรือในเรื่องที่ได้พจำรณำสอบหำข้อเท็จจริงหรือเรื่องที่ศึกษำนั้นได้ แต่กำรเรียก
               เอกสำรหรือกำรเรียกบุคคลดังกล่ำวนั้นมีข้อยกเว้นอยู่ว่ำ ไม่สำมำรถจะเรียกเอกสำรจำกบุคคลหรือเรียกบุคคล

                                                                                               ิ
               ในกรณีที่เป็นผู้พพำกษำหรือตุลำกำรที่ปฏิบัติตำมหน้ำที่หรือใช้อ ำนำจในกระบวนวิธีพิจำรณำพพำกษำอรรถคดี
                             ิ
               หรือกำรบริหำรงำนบุคคลของแต่ละศำลได้ อีกทั้งไม่สำมำรถเรียกเอกสำรจำกบุคคลหรือเรียกบุคคลในกรณี
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19