Page 39 - khlongsamwa
P. 39

32




                       กกกกกกก3.  ความส่าคัญของวัดพระยาสุเรนทร์
                                        วัดพระยาสุเรนทร์ เป็นวัดที่มีความส่าคัญต่อวิถีชีวิตของคนคลองสามวา เคารพศรัทธา

                       ต่อพระภิกษุเนื่องเพราะเชื่อว่า พระภิกษุ นั้นเป็นผู้มีความรู้มากกว่าฆราวาส เป็นผู้ทรงศีล และเป็นครู
                       อาจารย์ ความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน ที่มีต่อวัดผูกพันแนบแน่นกับวิถีชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

                       กับวัดพระยาสุเรนทร์เป็นสถานที่รับใช้บริการงานประเพณีการท่าบุญต่าง ๆ เพื่อให้เกิดกุศลบุญแก่

                       ฆราวาส เนื่องในวันส่าคัญทางศาสนา รวมทั้งเป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่ชุมชน สถานที่ให้ความสงบ

                       เยือกเย็นทางจิตใจและเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
                                     กล่าวโดยสรุป วัดพระยาสุเรนทร์ เป็นสถานที่รวมจิตใจและให้ความรู้แก่ประชาชน โดยมี
                       พระเป็นผู้อบรมสั่งสอน และวัดยังเป็นที่ช่าระจิตใจของผู้คน นับได้ว่าวัดเป็นแหล่งรวบรวมและสร้าง

                       วัฒนธรรม ซึ่งวัฒนธรรมเป็นค่านิยมและความเชื่อที่เป็นก่าลังส่าคัญในการรักษาวัดซึ่งเป็นสมบัติของ

                       คนไทยในคลองสามวา ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมในความงดงามของวัฒนธรรมของคลองสามวา
                       กกกกกกก4.  สถานที่ส่าคัญภายในวัดพระยาสุเรนทร์

                                       4.1  ศาลประดิษฐานรูปหล่อพันตรีพระยาสุเรนทร์ราชเสนา




















                                        เมื่อเจ้าคุณปู่พระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี) ได้สร้างวัดพระยาสุเรนทร์

                       เสร็จเรียบร้อยแล้วท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้สร้างกุฏิอยู่ที่โคกสารัย ที่ใกล้เคียงในศาล
                       ปัจจุบัน และเมื่อท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2446 ต่อมาได้เกิดความแห้งแล้งขึ้นชาวบ้าน

                       โดยการน่าของคุณชุ่ม สิงหเสนี ได้ท่าการขุดสระขึ้นยาว ประมาณ 1 เส้น กว้าง 10 วา ต่อมาชาวบ้านเรียกว่า

                       “สระน้่าศาลปู่” ซึ่งในหน้าแล้งประมาณ เดือน 4 - 6 หากเกิดฝนแล้ง ชาวบ้านจะน่าสัตว์เลี้ยงมากินน้่าที่สระ
                       ศาลปู่ เวลา 10.00 นาฬิกา และ 18.00 นาฬิกา เป็นประจ่าต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2510 กรมชลประทานได้ท่าการ
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44