Page 135 - งานนำเสนอ PowerPoint
P. 135
125
3.3 ยาง
ยาง (Rubber) เป็นพอลิเมอร์ชนิดหนึ่งที่มีความยืดหยุ่น สามารถยึดและกลับคืนสู่สภาพเดิม ได้ ทนต่อ
แรงดึงและการขัดถูสูง เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีมาก ทนน้ําและน้ํามัน ยางจะเหนียวและอ่อนตัวเมื่อ ได้รับความร้อน
เมื่อเย็นตัวลงจะแข็งและเปราะ แตกง่าย
3.3.1 ประเภทของยาง ยางแบ่งตามลักษณะการ
เกิดแยกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ยางธรรมชาติ (Natural Rubber) เป็นยางที่ เกิดขึ้นใน
ธรรมชาติ เกิดจากโมเลกุลของไอโซปในหลายๆ โมเลกุลมา
ต่อกันเป็นสายพอลิเมอร์ มีลักษณะเป็นน้ําสีขาวคล้ายน้ํานม
เรียกว่า น้ํายางดิบ ซึ่งได้จากต้นยางพาราและต้นยางกัตตา
(ใช้หุ้มสาย โทรศัพท์) และต้นยางซิกเคิล (ใช้ทําหมากฝรั่ง) ซึ่ง
เมื่อเติมน้ําส้มสายชู (กรดแอซีติก) หรือกรดมด (กรดฟอร์มิก)
ลงไปในน้ํายางดิบจะทําให้ น้ํายางตกตะกอนและแยกออกมา
จากน้ําเป็นเนื้อยาง จากนั้นนําไป ผ่านกระบวนการรีดยาง
และทําเป็นผลิตภัณฑ์ยางต่อไป ยางธรรมชาติ นั้นมีความ
เหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ทนต่อน้ํา ไม่นําไฟฟ้า แต่เมื่อได้รับ ความ
ร้อนแล้วจะอ่อนตัวและหลอมเหลว เมื่อเย็นตัวลงจะแข็งและ
เปราะ ทําให้ไม่สามารถนํายางธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ได้ดี
เท่าที่ควร จึงได้มีการเพิ่มคุณภาพยางเพื่อให้ยางมีสภาพคงตัว
ในอุณหภูมิ ต่างๆ ดีขึ้นโดยการทําปฏิกิริยาเคมีกับผงกํามะถัน
เรียกว่า กระบวน การวัลคาไนเซชัน (Vulcanization) ซึ่งเป็น
ปฏิกิริยาที่ถูกค้นพบ โดยบังเอิญโดย ชาร์ลส์ กูดเยียร์
(Charles Goodyear) นักประดิษฐ์
2) ยางสังเคราะห์ (Synthetic Rubber) เป็นยางที่ใช้วัตถุดิบจากปิโตรเลียมในการสังเคราะห์ขึ้นเพื่อ
ใช้แทนยางธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสมกับการ ใช้งานในด้านต่างๆ โดยจะผ่านกระบวนการขึ้นรูปให้เป็นรูปร่าง
ต่างๆ เติมสีสันให้มีความหลากหลาย จนได้ ผลิตภัณฑ์จากยางหลายชนิด เช่น ยางรถยนต์ รองเท้า ยางลบ
กระเป๋า ยางรัดของ เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดมี ความแข็งแรงมากน้อยแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน
ยางสังเคราะห์แบ่งตามการใช้งานออก เป็น 2 ประเภท คือ
ก. ยางสําหรับงานทั่วไป เช่น IR (Isoprene Rubber) BR (Butadiene Rubber)
ข. ยางสาหรับงานสภาวะพิเศษ เช่น การใช้งานในสภาวะอากาศร้อนจัด หนาวจัดหรือ สภาวะที่มีการ
สัมผัสกับน้ํามัน เช่น ซิลิโคน (Silicone) ยางอะคริเลต (Acrylate Rubber) เป็นต้น
